เรื่องของคนไร้จิตสำนึกต่อสังคม ยังมีให้เห็นในสังคมนี้
เรื่องจิตสำนึกมันต้องมี ถ้าไม่มีมันก็แย่ การอยู่ร่วมกันในสังคมต้องมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม โดยเฉพาะช่วงนี้ ช่วงของสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด 19 ทุกคนต้องมีจิตสำนึกร่วมกันในการดูแลป้องกัน ไม่ให้มีการแพร่กระจาย ก็เป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วว่าการติดเชื้อนั้นเกินครึ่งเราไม่รู้ว่าเรารับเชื้อมาจากที่ใดกันแน่ จึงต้องป้องกันตามมาตรการที่ทางภาครัฐแนะนำอย่างเข้มข้น รอบนี้หนักกว่าที่คิด ถึงวันนี้( 30 พ.ค.2564 ) มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 298 ราย รักษาหายแล้ว 287 ราย เสียชีวิตถึง 6 ราย จากจำนวนการตรวจกลุ่มเสี่ยง 3661 ราย
ในพื้นที่จังหวัดลำพูนไม่ได้เป็นแหล่งแพร่เชื้อ แต่คนที่ติดทุกคนล้วนรับเชื้อมาจากพื้นที่อื่น และทางจังหวัดโดยนายวรยุทธ เนาวรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน รวมถึงส่วนที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนก็พยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่ให้ตระหนัก ให้ดูแลป้องกันตัวเองเพื่อให้ห่างไกลเชื้อโรค ดูได้จากคำสั่งและประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน ที่ครอบคลุม เข้มข้นเข้มงวด รวมถึงการทำงานเชิงรุกของทุกฝ่าย ทำให้ผลเป็นที่น่าพอใจลดจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มได้ตามลำดับ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือจิตสำนึกของการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมของผู้คน การร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการต่างๆอย่างเข้มงวดรับผิดชอบต่อตัวเองต่อครอบครัวและต่อสังคม คือเกราะป้องกันอย่างดี
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในสังคมที่ผู้คนที่มีความคิดหลากหลาย ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่มีพฤติกรรมที่แย่ๆมากมาย คนที่ไร้จิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวม นอกจากไม่รักตัวเอง ไม่รักครอบครัวแล้ว ยังกลายเป็นคนไร้สามัญสำนึกในการอยู่ร่วมกันในสังคมส่วนรวม ร่ายยาวตั้งแต่กลุ่มพวกบางคนที่รักษาตัวเองหายจากโรงพยาบาลสนาม กลับถึงบ้านยังไม่ทันข้ามคืน ชวนพรรคพวกไปนั่งกินเหล้ากันอย่างสนุกสนานเฮฮา นายแน่มากช่างกล้านัก แต่เพื่อนร่วมวงกล้ากว่าอีกคือกล้ามานั่งร่วมวงคือไม่กลัว ก็ไม่รู้ว่าที่มานั่งร่วมวงนี่ไม่กลัวเพราะมั่นใจว่าเขารักษาหายแล้ว หรือไม่มีความรู้ในสมองเลยว่าหลังจากออกรพ.สนามแล้วก็ต้องกักตัวอีก 14 วัน หรือว่าสมองกลวงไร้จิตสำนึกร่วมกันอันนี้ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆคนพวกนี้ไม่น่าจะมีอยู่ในสังคมในยุค 5 G โลกเขาไปถึงไหนแล้วแต่คนพวกนี้ยังเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปีที่สมองยังไม่พัฒนา และไม่ยอมรับข้อมูลข่าวสารความเปลี่ยนแปลงความเป็นไปเป็นมาของโลกยุคนี้ หลายคนบอกว่าคนพวกนี้ไม่สมควรนำตัวมารักษาปล่อยให้ตายๆกันไปซะจะได้ไม่หนักแผ่นดิน
ไหนจะพวกร้านขายเหล้าตองที่ไร้จิตสำนึกปิดหน้าร้านขายหลังร้าน มันไม่ขายเหล้าซักช่วงเวลาหนึ่งเพียงแค่เดือน 2 เดือน มันจะอดตายไม่มีอะไรกินกันหรืออย่างไร คนอาชีพอื่นเขาก็ทำมาหากินเหมือนกันแต่เขายอมปิดร้านเพื่อสังคมส่วนรวมทั้งๆที่เขาก็เดือดร้อนเหมือนกัน จิตสำนึกคนพวกนี้ไปไหนกันหมด จะมาโอดครวญหาสวรรค์วิมานอะไร ว่าต้องทำมาหากิน มันใช่มั้ย เวลานี้ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันป้อกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด 19 ไม่ใช่เวลาฉกฉวยที่แอบขายเหล้า มันใช่ของจำเป็นในการดำรงชีพที่จะต้องขายมั้ย คนกินก็เหลือเกินมันใช่เวลาที่จะมาสนุกสนานกันมั้ยในสถานการณ์อย่างนี้ อย่าหลงระเริงว่าช่วงนี้ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ที่ไม่เพิ่มเพราะช่วงนี้ยังไม่มีการตรวจเชิงรุก มีติดเชื้อที่ยังไม่ผ่านการตรวจ ยังไม่ผ่านการคัดกรอง เชื่อว่าต้องมีแน่ๆ เพราะเชื้อพวกนี้มันอยู่ในร่างกายแล้วมันไม่แสดงอาการ คงต้องมีการตรวจเชิงรุกทุกกลุ่มคนอีกครั้ง พบเชื้อแน่นอน
ที่น่าหนักอกหนักใจอีกอย่างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็คือพวกที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง มาแล้วไม่แจ้งบ้างละ แอบมาบ้างละ สุดแต่จะอ้าง ก็เขาประกาศกันโครมๆตามสื่อทุกชนิด ว่าใครที่มาจากพื้นที่เสี่ยงเมื่อมาถึงจังหวัดลำพูนแล้วกักตัว 14 วันเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด 19 แต่คนไร้จิตสำนึกพวกนี้ก็ทำตัวเป็นไม่สนโลก กรณีนี้เห็นชัดเจนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้ที่ติดเชื้อล่าสุด 4 ราย ก็เดินทางมาจากกรุงเทพฯแต่ไร้จิตสำนึก ไม่มีสมองไม่มีความคิดความอ่านไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม มีแต่สมองโง่ๆไปพื้นที่เสี่ยงตามประกาศของ สคบ. กลับมาแล้ว ไม่แจ้งให้ อสม.ไม่กักตัวยังคงเดินทางไปโน่นมานี่ ใช้ชีวิตปกติ ไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าโง่ดักดานกับโง่ฉิบหายดี ก็เพราะบ้านเมืองเรามันยังมีคนแย่ๆแบบนี้อยู่ในสังคม มันถึงเจริญไม่ทันเขา อย่าเทียบความเจริญด้านอื่นเลย แค่ความคิดของคนพวกนี้ก็หาความเจริญยากแล้ว
ล่าสุดเย็นวานนี้ที่บ้านสันริมปิง ตำบลริมปิง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มาจากกรุงเทพฯคนบ้านนี้แต่ไปทำมาหากินที่กรุงเทพฯ มาจากเขตหลักสี่ เขตที่มีการระบาดหนักในช่วงที่ผ่านมาอีกด้วย อ้างว่ามารับลูกเพราะใกล้เปิดเทอม มาถึงตอนเย็นกะว่าจะนอนคืนหนึ่ง ชาวบ้านรู้ข่าวก็เกิดความกลัวแจ้งผ่านสื่อแจ้งผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ดำเนินการตามมาตรการกักตัว หรือไม่ก็ให้กลับไปซะ หรือไปนอนโรงแรมโรงแรมก็ได้เพราะอยู่นอกเหนือจากประกาศของจังหวัด ห้ามนอนในบ้านเท่านั้น แต่นี่ดันซื้อเหล้าซื้อเบียร์มานั่งกินกันอย่างสนุกสนาน แต่เพื่อนบ้านไม่สนุกด้วย สุดท้ายการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องความทราบถึงผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ก็มีการสั่งการลงมาเป็นทอดๆเพื่อให้ ผู้นำและ อสม.นำเอกสารไปให้เซ็นต์เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการกักตัว แต่ที่น่าเหนื่อยใจก็คือ อสม.คนหนึ่งเมื่อทราบเรื่องแทนที่จะดำเนินการตามมาตรการ กลับไปบอกเขาให้ปิดบ้านให้กินเหล้ากันเฉพาะในบ้าน ใครมาเรียกก็อย่าเปิดประตูว่างั้น มันช่างไร้จิตสำนึกสิ้นดี ว่าคนที่เดินทางมาไร้จิตสำนึกแล้ว อสม.คนนี้ยังไร้จิตสำนึกกว่าอีก เป็นคนที่ความคิดแย่มากไร้จิตสำนึกต่อส่วนรวม และไม่สมควรมาทำหน้าที่นี้สมควรลาออกไปซะฝากให้สาธารณสุขและส่วนที่เกี่ยวข้องพิจารณาสอบสวนปลดออกอย่าให้ทำหน้าที่ อสม.อีก หนำซ้ำไม่รู้ใครคาบข่าวไม่บอกอีกว่าให้รีบออกจากบ้านไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องจะไปถึงเพียงแค่ไม่กี่นาที ถ้าภาษาทางการเขาเรียกว่าเกลือเป็นหนอน ก็เป็นกันซะแบบนี้บ้านเมืองถึงล่มสลายฉิบหายกันไงละ คนติดเชื้อจึงเพิ่มขึ้นๆ ก็เพราะในสังคมยังมีคนที่ไร้จิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวมอีก นี่ก็บ่ายวันนี้อีกมาจาก กทม. 1คันรถ มาจัดพิธีบวงในวัดดังกลางเมืองลำพูน รออีกสักพักมันจะตายรึอย่างไร ไม่บวงสรวงตอนนี้ท่านคงไม่อดหรอกมั่ง ข่าวว่าเป็น VIP ซะด้วย ใครจะทำอะไรได้เมื่อมีการเลือกปฏิบัติระหว่างคนจนชาวบ้านกับคนรวยคนมีตำแหน่ง ก็ไหนบอกว่าบ้านเมืองเราไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะไง ก็ไม่แปลกใจหรอกนะ เพราะกฎหมายบ้านเมืองประเทศเราเลือกใช้กับประชาชนคนธรรมดาเท่านั้น ก็ดีนะปล่อยๆให้ไวรัสโควิดมันล้างโลก เผื่อว่าจะได้ล้างให้พวกเห็นแก่ตัวพวกไร้จิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวมหมดไปซะบ้าง
ชัด ราชวงษ์