เผาแล้วหนุ่มติดโควิด ทิ้งเมียท้อง 7 เดือนกับลูกชายวัย 3 ขวบเผชิญซะตากรรม น้ำตาท่วม

เผาแล้วหนุ่มติดโควิด ทิ้งเมียท้อง 7 เดือนกับลูกชายวัย 3 ขวบเผชิญซะตากรรม น้ำตาท่วม

วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เมื่อเย็นวานนี้(2 พ.ค.64) มีผู้ติดเชื้อโควิด 19 เสียชีวิตเพิ่ม อีก 1 ราย ทำให้จังหวัดลำพูนมียอดสะสม ผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย

ล่าสุดช่วงเย็นวันที่ 2 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ก็มีข่าวเศร้าอีกเมื่อหนึ่งใน 5 รายผู้ป่วยอาการโคม่าในความดูแลของโรงพยาบาลลำพูน ได้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายวัย 40 ปี หลังจากญาติทราบเรื่องสร้างความโศกเศร้าเสียกันกัน เพราะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้ากันครั้งสุดท้าย ไม่มีโอกาสได้ร่ำลากัน

และที่น่าสลดใจก็คือผู้เสียชีวิตรายนี้ มีครอบครัวที่น่ารักมีลูกชายวัย 3 ขวบ 1 คน และลูกในท้องเป็นเพศหญิงวัย 7 เดือน ที่มีกำหนดคลอดในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ แต่ผู้เป็นพ่อได้มาด่วนจากไปเพราะไวรัสโควิด 19

และเมื่อช่วงสายวันนี้เวลาประมาณ 08.30 น.ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลลำพูน ได้นำร่างผู้เสียชีวิตไปดำเนินการฌาปนกิจที่สุสานบ้านหลวย ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยจำกัดญาติให้มายืนมองดูอยู่ห่างๆเท่านั้น โดยไม่ให้เข้าไปใกล้แต่อย่างใด และห้ามมีการบันทึกภาพใดๆ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความเศร้าเสียใจ

สำหรับไทม์ไลน์ของชายวัย 40 ปี ที่เสียชีวิต ทำงานโรงงานแห่งหนึ่งเกี่ยวกับการผลิตกระแสไฟฟ้า ได้ไปร่วมงานเลี้ยงในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ต่อมามีผู้ติดเชื้อโควิดกว่า 10 ราย และหนึ่งในนั้นเป็นตัวเขาเอง หลังจากนั้นวันที่ 14 เมษายน 2564 ได้ได้ตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน ก่อนจะแอดมิดส่งตัวไปที่โรงพยาบาลลำพูน และไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม 1 เวียงยอง หลังจากนั้นคนในครอบครัวกลายเป็นผู้เสี่ยงสูงต้องไปตรวจคัดกรอง ผลปรากฏว่าภรรยาที่ท้องได้ 7 เดือน ติดเชื้อโควิดไปด้วย ทั้งคู่จึงถูกส่งตัวไปรักษาอาการที่ รพ.สนาม เวียงยอง และจะมีกำหนดครบการรักษาจะออกจาก รพ.ในอีก 2 วันข้างหน้า ส่วนสามีอาการเริ่มทรุดหนักเนื่องจากมีโรคประจำตัวเป็นโรคหืดหอบ แต่ยังสามารถพูดคุยสื่อสารกับครอบครัวผ่านไลน์ได้ โดยล่าก่อนเสียชีวิตได้ฝากญาติซื้อขนมจีนน้ำเงี้ยวที่ตลาดหนองดอกมาให้กิน แล้วแจ้งว่าต้องย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลลำพูน ก่อนที่ล่าสุดจะได้รับแจ้งจากทีมแพทย์ว่าชายวัย 38 ปีเสียชีวิตแล้ว

สำหรับจังหวัดลำพูนตัวเลขผู้ติดเชื้อ ถึงวันนี้ ( 3 พ.ค. 64 ) มีผู้ป่วยมCOVID-19 จำนวน 276 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 75 ราย รักษาหายแล้ว 196 ราย เสียชีวิต 4 ราย และยังมีผู้ป่วยที่อาการโคม่าอยู่อีกนับ 10 ราย ส่วนจำนวนผู้ที่ถูกสั่งให้กักตัวมีจำนวนกว่า 4 พันรายเศษ

(ทีมข่าวขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชวิตด้วยในการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปในครั้งนี้)