ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำพูน แบ่งกำลังลงพื้นที่แกะรอย น้อง ม.5 และตามหาชายวัย 45 ปีที่ จ.สุโขทัย ที่เคยติดต่อกัน แต่สวนทางกัน โผล่ที่ลำพูนช่วงค่ำ ถูกเรียกสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง
ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำพูน แบ่งกำลังลงพื้นที่แกะรอย น้อง ม.5 และตามหาชายวัย 45 ปีที่ จ.สุโขทัย ที่เคยติดต่อกัน แต่สวนทางกัน โผล่ที่ลำพูนช่วงค่ำ ถูกเรียกสอบนานกว่า 2 ชั่วโมง
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ความคืบหน้าการตามหาตัวนายวายุ ทะไร หรือน้องใหญ่ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนจักรคำคณาทร จังหวัดลำพูน ที่หายตัวไปอย่างปริศนาตั้งแต่คืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา โดยทิ้งเบาะแสไว้แค่เพียงจอดรถจักยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 I สีแดง-ขาว หมายเลขทะเบียน 125 พะเยา ทิ้งไว้ พร้อมกระเป๋าหนังสือและกุญแจรถ ก่อนปิดมือถือขาดการติดต่อ ตามที่นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น
ความคืบหน้าด้านการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลำพูน พ.ต.อ.ฐิติพล อรุณสกุล ผกก.สภ.เมืองลำพูน วันนี้ได้มีการสั่งการแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด ชุดที่ 1 ได้ไปตรวจสอบห้องนอนของนายวายุ ที่บ้านพักตึกแถวหลังตลาดจตุจักรลำพูน เพื่อหาข้อมูลพบว่าที่นอนยังอยู่ในสภาพเดิม ส่วนข้อมูลการตรวจสอบยังไม่สามารถเปิดเผยได้ หลังจากนั้นได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้ง ตามจุดต่างๆที่คาดว่านายวายุจะผ่าน เพื่อจะได้ทราบว่าออกจากบ้านเวลาเท่าไหร่กันแน่ จะได้เป็นแนวทางในการขยายผลการสอบสวนต่อไป
ส่วนอีกชุดได้นำกำลังเดินทางไปที่อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เพื่อไปตามตัวนายไพรันต์ (ขอสงวนนามสกุล)อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่เคยติดต่อกันกับนายวายุและเป็นสายโทรศัพท์มือถือที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ว่าเคยติดต่อกันล่าสุดในช่วงคืนวันก่อนที่จะหายตัวไป พร้อมกับเป็นผู้รับข้อความจากน้องใหญ่ทางกล่องข้อความว่า “ขอโทษนะครับ ไปก่อนนะไม่ต้องโทรตามพอถึงเวลาจะไปหาเอง รักนะครับ” แต่เมื่อไปถึงพบว่าร้านปิด และที่บ้านปิด จึงเดินทางไปประสานกับชุดสืบสวนของ สภ.ศรีสัชนาลัย เพื่อหาข้อมูล แต่ได้คลาดกันกับนายไพรัตน์ที่ได้เดินทางไป สภ.ศรีสัชนาลัย เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยอ้างว่าเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ได้ชักชวนน้องใหญ่ไปหาแต่อย่างใด หลังจากนั้นได้ขับรถยนต์เก๋งสีเทาเดินทางไปจังหวัดลำพูน เพื่อไปขอลงบันทึกประจำวัน ที่ สภ.เมืองลำพูน เช่นเดียวกับที่ลงไว้ที่ สภ.ศรีสัชนาลัย ว่าเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น หลังแจ้งความประสงค์ลงบันทึกไว้กับ พ.ต.ท.รัฐธรรมนูญ มูลรันต์ สารวัตรสอบสวนเวร แล้วไปเดินทางไปกับนางธันย์ชนก แม่ของนายวายุ และได้คลาดกับผู้สื่อข่าวเพียง 10 นาที ผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์ติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์ สองสายแรกไม่รับ สายที่สามจึงรับและได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีความเห็นใดๆ ไม่ขอให้ข้อมูล ไม่สะดวกก่อนจะวางสายไป
หลังจากนั้นช่วงเวลาลาประมาณ 20.00 น.เศษเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้เรียกตัวนายไพรัตน์ไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองลำพูน ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงก่อนจะปล่อยตัวกลับ ซึ่งผลการสอบสวนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงจะเสียรูปคดี ความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป