จากนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน หลังฉีดวัคซีนเข็ม 2 กลายเป็นไตวายเฉียบพลัน ญาติเชื่อวัคซีนส่งผลต่อร่างกาย ล่าสุดหมอเตรียมนำตัวกลับไปรักษาอีกครั้งรอญาติตัดสินใจ
จากนักกีฬาวอลเลย์บอลของโรงเรียน หลังฉีดวัคซีนเข็ม 2 กลายเป็นไตวาย ญาติเชื่อวัคซีนส่งผลต่อร่างกาย
กรณีที่เด็กหญิงศิริรัตน์ หรือน้องเวฟ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนป่าเลา อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ต้องเข้าห้องไอซียูเพื่อรักษาตัวที่ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หลังจากล้มป่วยลงหลังจากฉีดวัคซีน (Pfizer)ซิโนฟาร์ม ต้องนอนรักษาตัวนานนับเดือน ขณะที่หมอวินิจฉัยว่าไตวายเฉียบพลัน
นายจรูญ เหล็กแดง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ที่ 14 บ้านปงผาง ตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน พ่อของน้องเวฟกล่าวว่าน้องเวฟ เป็นเด็กนักเรียน ม.1 (อยู่โรงเรียนกินนอน) ปกติมีร่างกายแข็งแรง และยังเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลอีกด้วย ซึ่งก่อนการเจ็บป่วยของน้องเวฟนั้น เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2564 ทางโรงเรียนแจ้งว่าเด็กนักเรียนต้องฉีดวัคซีนทุกคน ไม่เช่นนั้นจะไม่ให้ไปโรงเรียน น้องจึงจำใจต้องไปฉีดวัคซีน เข็มแรกในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เข็มแรก มีเพียงอาการปวดแขน ต่อมาวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ทางโรงเรียนก็ให้ไปฉีดวัคซีนอีกครั้ง เป็นเข็มที่ 2 เป็นยี่ห้อ(Pfizer)
พอวันที่ 17 ธันวาคม 2564 (หลังจากฉีดวัคซีนได้ 10 วัน) ขณะที่อยู่ที่โรงเรียนน้องเริ่มไม่สบาย เริ่มมีอาการมึนหัวมึนงงปวดหัว ครูพี่เลี้ยงให้ยาแก้ปวดมากิน แล้วคุณครูพาไปหาหมอที่อนามัย หมอก็ให้ยาแก้ปวด แต่อาการก็ไม่ค่อยดี แต่ยังสามารถเข้าเรียนได้ จนถึงช่วงสิ้นปีและโรงเรียนหยุดน้องจึงขอกลับบ้าน ซึ่งห่างจากโรงเรียนประมาณ 10 กิโลเมตร หลังครบกำหนดก็กลับลงไปเรียนตามปกติ แต่ร่างกายเริ่มมีอาการบวมและน้องมีอาการเจ็บปวดที่ช่องท้อง เมื่อครูเห็นว่าลูกศิษย์มีอาการตัวบวม จึงพาอนามัยก่อนจะถูกส่งตัวไปรพแม่ทา จังหวัดลำพูน ก่อนส่งตัวไปโรงพยาบาลลำพูน และวันที่ 7 มกราคม 2565 ถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
หลังการรักษาแพทย์วินิจฉัยว่าน้องเป็นโรคไตวายเฉียบพลัน ต้องเข้ากระบวนการรักษาของแพทย์โดยถูกส่งข้าห้องไอซียู อยู่ห้องไอซียูต้องล้างไตอาทิตย์ละ 2 วัน และมีอาการเลือดออกช่องท้อง ต้องผ่าตัดลำไส้ 2ครั้ง สลับล้างไต หลังจากนั้นน้องเริ่มหนักขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ก็รักษาตามขั้นตอนเรื่อยมา แต่อาการก็มีแต่ทรงกับทรุด ประกอบกับทางบ้านยากจน และบ้านอยู่บนดอยห่างไกลไม่สะดวกในการที่จะมาเฝ้าน้องที่โรงพยาบาล ก่อนที่จะขอคุณหมอนำตัวน้องออกมารักษาที่บ้าน และหมอก็เรียกไปคุยว่ารักษาได้เท่านี้ไม่ดีกว่านี้ ขอให้กลับไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่ทาเพื่อความสะดวกและใกล้บ้านกว่านี้ แต่พ่อก็คุณหมอว่าขอให้กลับไปดูแลอาการที่บ้านแทนการอยู่ที่โรงพยาบาลแม่ทา เพราะสะดวกกว่า จึงได้พาน้องเวฟกลับมาอยู่บ้านก็ดูแลกันไปเท่าที่จะทำได้ ก็มีการทำพิธีเลี้ยงผีตามความเชื่อของชนเผ่ากะเหรี่ยง หลังจากนั้นอาการของน้องก็ดีขึ้นกว่าที่อยู่โรงพยาบาล
นายจรูญยังกล่าวอีกว่า ตนข้องใจสาเหตุของการเจ็บป่วยของน้องเวฟว่าจะต้องมีผลมาจากการฉีดวัคซีน เพราะก่อนฉีดวัคซีนน้องก็มีร่างกายแข็งแรงดี แต่หลังจากฉีดวัคซีนน้องกลับมาอาการเจ็บป่วยดังกล่าว น้องเวฟบอกว่าถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไม่ฉีดวัคซีนดีกว่า นายจรูญกล่าว
ทางด้าน คุณณฐพบธรรม เจริญใจ เพื่อนของนายจรูญ ซึ่งเป็นผู้ทำคลิปเผยแพร่ออกไปกล่าวว่า เหตุจูงใจที่นำคลิปไปโพสต์ ก็เพื่อจะเรียกร้องสิทธิ์ของน้องจากการกระทำของหน่วยงานรัฐ น้องเป็นเด้กที่มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ เมื่อได้รับวัคซีนไปแล้วน้องมีอาการแย่ลง จนวันสุดท้ายที่หมอเรียกพ่อน้องเวฟไปคุย บอกว่าไม่สามารถรักษาได้แล้ว ขอให้น้องกลับย้ายกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่ทา ซึ่งพ่อเลือกที่จะขอกลับมารักษาตัวที่บ้าน
ซึ่งสิ่งที่ทำให้สะเทือนใจมากที่สุด ก็คือในใบประวัติผู้ป่วยไว้ว่านอกยินดีและสมัครใจจะกลับไปใช้ชีวิตระยะสุดท้ายที่บ้าน ซึ่งจากเด็กที่ร่าเริงกลับกลายเป็นมาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จากการที่ไปฉีดวัคซีน มันก็เลยทำให้รู้สึกว่าในฐานะที่เป็นเพื่อนพ่ออยากจะช่วยอะไร ก็เลยทำคลิปตัวนั้นออกไป
ความคืบหน้าล่าสุด
หมอเตรียมนำตัวนักเรียนวัย 14 ปี กลับไปรักษาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หลังฉีดวัคซีนแล้วล้มป่วย
ความคืบหน้าวันนี้นายวิเชียร ปิงชัย สาธารณสุขอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน พร้อมด้วยคณะแพทย์จากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และแพทย์จากโรงพยาบาลแม่ทา หมออนามัยตำบลป่าเลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่ทา และส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 109 หมู่ที่ 14 บ้านปงผาง ตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ซึ่งบ้านของเด็กหญิงศิริรัตน์ หรือน้องเวฟ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนป่าเลา อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน นักกีฬาวอลเลย์บอลโรงเรียนป่าเลา ล้มป่วยลงหลังจากทางโรงเรียนให้ไปฉีดวัคซีน (Pfizer) โดยให้เหตุผลว่าเป็นระเบียบของโรงเรียนหากไม่ฉีดจะไม่ให้เข้าเรียนหนังสือ
ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น จนเป็นเหตุให้ญาติเชื่อว่าการล้มป่วยของน้องเวฟน่าจะมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากการฉีดวัคซีน Pfizer (เข็มสอง) แต่หมอวินิจฉัยว่าไตวายเฉียบพลัน หลังการรักษาหมอบอกว่ารักษาได้เต็มที่แล้ว ไม่สามารถรักษาได้แล้ว ขอให้ทางญาตินำกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่ทา ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน แต่ทางนายจรูญ เหล็กแดง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ที่ 14 บ้านปงผาง ตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน พ่อของน้องเวฟ เลือกขอที่จะนำตัวลูกสาวกลับไปรักษาตัวที่บ้านบนดอย เพราะระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลแม่ทา อยู่ห่างไกลกันบ้านพักอยู่บนดอยทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางมาดูแลน้อง แต่หลังจากกลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านนั้น ก็มีพิธีกรรมความเชื่อของชนเผ่ากะเหรี่ยง ในการเลี้ยงผีตามที่ชนเผ่าเคยทำมา ก็ปรากฏว่าอาการของน้องดีขึ้น
ล่าสุดหลังเป็นข่าว วันนี้นายวิเชียร ปิงชัย สาธารณสุขอำเภอแม่ทา และทางแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ที่เคยรักษาอาการของน้องเวฟ พร้อมส่วนที่เกี่ยวข้องได้เดินทางมาตรวจอาการของน้องเวฟที่บ้าน และแจ้งกับทางญาติพร้อมรับตัวน้องกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่อีกครั้ง หากทางครอบครัวยินยอม แต่ถ้าญาติยังยืนยันจะให้น้องรักษาตัวอยู่ที่บ้านทางแพทย์ก็ปล่อยให้พ่อแม่และญาติเป็นผู้ตัดสินใจเอง ซึ่งทางแพทย์ยังกล่าวอีกว่า การรักษาถ้านำตัวกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลโอกาสที่น้องจะหายมี% ต่ำกว่า 50 % แต่ถ้ารักษาอยู่ที่บ้าน น้องอาจจะมีความสุขในช่วงสุดท้ายของน้องท่ามกลางครอบครัวมากกว่า ซึ่งทางครอบครัวยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆในเรื่องนี้ เพราะต้องเตรียมตัวเข้ากรุงเทพฯเพื่อไปยื่นเรื่องที่แพทย์สภา เพื่อขอเอกสารหลักฐานผลตรวจต่างๆในการรักษาน้องเวฟ
ในเบื้องต้นทางโรงพยาบาลแม่ทาได้นำเตียงของโรงพยาบาลมาเปลี่ยนให้น้อง เพื่อจะได้สะดวกและนำถังอ๊อกซิเจนมาเพิ่ม พร้อมกับแจ้งให้ทีมแพทย์เดินทางมาตรวจอาการเป็นระยะๆ ในช่วงที่รอการตัดสินใจของครอบครัวว่าจะรักษาแบบประคับประครองหรือจะนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแบบเต็มรูปแบบ ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป