หญิงวัย 39 ปี โต้กลับไม่ใช่ 18 มงกุฎ อย่ากล่าวหา แค่จ่ายเงินค่าลำไยอบแห้งไม่ครบ ไม่มีหลอกคนงานต่างด้าว ไม่เคยหลอกขายเจลผ้าแมส

หญิงวัย 39 ปี โต้กลับไม่ใช่ 18 มงกุฎ อย่ากล่าวหา แค่จ่ายเงินค่าลำไยอบแห้งไม่ครบ ไม่มีหลอกคนงานต่างด้าว ไม่เคยหลอกขายเจลผ้าแมส

จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ( 31 ตุลาคม 2564 ) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านธิ และชุดสืบสวนของ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้นำหมายศาลหลายฉบับบุกเข้าจับกุมนางสาวกุ้ง(นามสมมุติ) ที่บ้านพักเขตอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน พร้อมกับแสดงหมายจับ จำนวน 10 หมาย ตามที่นำเสนอข่าวไปนั้น

ต่อมาหลังจากนำเสนอข่าวไปแล้ว ทางด้านนางสาวกุ้ง(นามมสมุติ) ได้โทรศัพท์ติดต่อกับกองบรรณาธิการข่าว เพื่อชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยกล่าวว่า ข้อมูลข่าวที่ลงไปนั้นมีบางประเด็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ขอให้ทางกองบรรณาธิการลบข่าวออกจากระบบ ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ชี้แจงไปว่า การนำเสนอข่าวและภาพดังกล่าวได้นำภาพข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ส่งรายงานในกลุ่มรายงานผู้บังคับบัญชา และเป็นภาพจริงส่วนข้อมูลหากมีผิดพลาดสามารถชี้แจงได้ แต่ไม่สามารถลบข่าวได้ เพราะเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ของผู้สื่อข่าว แม้ว่าจะรู้จักส่วนตัวก็ตาม และทางกองบรรณาธิการได้พยายามหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดความเสียหาย โดยการไม่ใส่นามสกุลจริง การใช้ชื่อนามสมมุติ ไม่ใส่บ้านเลขที่ พร้อมทั้งมีการปิดหน้าหรือเบลอภาพใบหน้าตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว

ทางด้านนางสาวกุ้ง(นามสมมุติ)ได้ชี้แจงว่า เรื่องหมายจับนั้นมีจริง เพราะตนเองไม่ได้ไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก หลายครั้งจึงถูกออกหมายจับ และที่ไม่ไปพบตำรวจก็เพราะอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้เสียหาย เพราะเป็นการค้าขายกันตามปกติ เพียงแต่จ่ายเงินให้ยังไม่ครบ เพราะสินค้าลำไยอบแห้งของคนที่ตนรับซื้อมานั้นบางรายไม่ได้มาตรฐานคุรภาพต่ำทำให้ขายขาดทุน หลายรายก็ได้เจรจากันจบไปแล้ว

ส่วนเรื่องขายเจลขายผ้าแมส และหลอกลวงแรงงานต่างด้าวนั้น ไม่มีจริง ไม่รู้ว่าตำรวจเอาข้อมูลมาจากไหน และขอให้ผู้สื่อข่าวแก้ไขเนื้อหาของข่าวด้วย เพราะตนได้ปรึกษาทนายแล้ว ซึ่งผู้สื่อข่าวว่า เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายทุกคนได้พูดได้ชี้แจงได้ทั้งหมดหากพร้อมจะเปิดเผยข้อมูล ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้นผู้สื่อข่าวไม่สามารถดัดแปลงข้อมูลหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหา ที่นำมาจากเอกสารราชการหรือข้อมูลที่ได้มาจากการส่งรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ เพราะข้อมูลการรายงานผู้บังคับบัญชาก็ถือว่ามีความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง ส่วนจะจริงหรือไม่ผู้สื่อข่าวไม่อาจทราบได้ การนำเสนอข่าวเป็นเพียงการทำหน้าที่ของผู้สื่อข่าวในการนำเสนอภาพข่าว ตามข้อมูลที่ได้รับมาเท่านั้น ส่วนขั้นตอนการชี้ผิดหรือถูกผู้สื่อข่าวไม่อาจจะไปก้าวล่วงชี้ชัดใดๆได้จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลเท่านั้น เมื่อชี้แจงจนเข้าใจแล้วจึงวางสายไป