สองตายายสุดเศร้า เงินเก็บทั้งชีวิตเงินสด3แสนกว่าทองหนัก3บาท2เส้นมูลค่ากว่าครึ่งล้านหายไร้ร่องรอย ประกาศใครรู้ตัวคนขโมยยกให้แสน 5
สองตายายสุดเศร้า เงินเก็บทั้งชีวิตเงินสด3แสนกว่าทองหนัก3บาท2เส้นมูลค่ากว่าครึ่งล้านหายไร้ร่องรอย ประกาศใครรู้ตัวคนขโมยยกให้แสน 5
จากกรณีที่มีคนร้ายขโมยเงินสดกว่า 3 แสนบาท และสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 3 บาท จำนวน 2 เส้น รวมน้ำหนัก 6 บาท รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 6 แสนบาท
ของคุณตาสิงห์ธาร มินมุนิน อายุ 79 ปี ชาวบ้านแจ่ม ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ไปโดยไร้ร่องรอย จนกระทั่งลูกหลานได้ออกมาประกาศผ่านโซเซี่ยลว่า
หากใครรู้ตัวคนร้ายที่ขโมยเงินและสร้อยคอทองคำไป จนนำไปสู่การจับกุมและดำเนินคดี และได้เงินคืน จะแบ่งเงินสดที่ยอด 3 แสนบาท
แบ่งให้คนแจ้งเบาะแส จำนวน 1.5 แสนบาทหรือครึ่งหนึ่งของเงินสดที่หายไป
นายสิงห์ธาร คุณตาวัย 79 ปี กล่าวเปิดเผยกับผู็สื่อข่าวว่า ตนเองเก็บเงินสดจากการเก็บออมมาทั้งชีวิต จำนวน 3 แสนบาทไม่ได้นำไปฝากธนาคาร
โดยได้คุยกับยายซึ่งเป็นภรรยาว่า หากนำไปฝากธนาคารจะยุ่งยาก โดยคิดวางแผนเอาไว้ว่าเงินสดจำนวน 3 แสนบาทจะแบ่งครึ่งไว้จัดงานศพ ของตาและยายคนละครึ่ง
หากตาหรือยายคนใดคนหนึ่งเสียชีวิตไปก่อนก็จะนำเงินครึ่งหนึ่งคือ 1.5 แสนไว้ในในการจัดงานศพ จะได้ไม่เดือดร้อนลูกหลาน เพราะเงินสดนั้นสะดวกกว่าการเอาไปฝากธนาคาร
ส่วนสร้อยคอทองคำจำนวน 2 เส้น จะเก็บเอาไว้ให้ลูกคนละ 1 เส้น เพราะตนเองมีลูก 2 คน
คุณตาวัย 79 ปี เล่าต่อไปว่า เหตุการณ์เงินหายที่เกิดขึ้นและไร้ร่องรอยของคนร้ายนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลสงการนต์ ในวันที่ 15 เมษายน ตามประเพณีทางภาคเหนือ ถือว่าเป็นวันพญาวัน
ก็จะมีการทำบุญกันที่วัดเป็นปกติ เช้าวันที่ 15 เมษายน ตนและยายสองคนพากันไปวัดทำบุญตั้งแต่ช่วงเวลาเช้ามืดประมาณ ตี 5 โดยปิดประตูบ้านใส่กุญแจไว้ปกติ ไปทำบุญที่วัดใกล้บ้านแล้วกลับมาในช่วงสายประมาณ 09.00 น.
ก็มีลูกหลานมาสระเกล้าดำหัวตามประเพณีสงกรานต์ หรือทางภาคเหนือเรียกว่า ปี๋ใหม่เมือง ประกอบกับอากาศร้อนอบอ้าวจึงไม่ได้ขึ้นไปบนบ้าน
จนกระทั่ง 2 ทุ่ม ยายจึงขึ้นไปนอนในห้องชั้นสองบนบ้าน ก็พบว่าที่นอนมีร่องรอยการรื้อค้น จึงถามตาว่ามารื้อที่นอนทำไม ตาจึงบอกว่าวันนี้ตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้ขึ้นห้องไปทำอะไร
จึงเอะใจจึงขึ้นไปดูบริเวณตู้เสื้อผ้าที่เก็บเงินสดไว้และผ้าที่ใช้ห่อสร้อยคอทองคำไว้ ปรากฎว่าไม่พบเงินสดและสร้อยคอทองคำ ทั้งเงินสดและสร้อยคอทองคำได้หายใจ ทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก
เพราะกุญแจก็ยังล็อคด้านนอกห้องเป็นปกติ จึงได้ไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านพาไปแจ้งความ กับ พ.ต.ท.บวรรัชฏะ มายะลา สารวัตรสอบสวนเวร สภ.นิคมอุตสาหกรรม ภาคเหนือ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุทางตำรวจชุดสืบสวนก็ได้เรียก ลุกหลานเพื่อนบ้านไปสอบสวน เวลาผ่านไปหลายวันก็ยังไม่ทราบว่าคนร้ายคือใคร หลานสาวจึงนำเรื่องราวไปโพสต์ว่าใครรู้เบาะแสของคนร้าย
หากคดีถึงที่สุดได้เงินคืน จำนวน 3 แสนบาท จะแบ่งให้คนแจ้งเบาะแส ครึ่งหนึ่ง คือ 1.5 แสนบาท(หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท)
แหล่งข่าวแจ้งข้อมูลเบื้องต้นว่า คนร้ายอาจจะใช้วิธีบุกปืนมาทางหน้าต่าง หรือไม่ก็คนใกล้ชิดที่รู้ว่าสองตายายไม่อยู่บ้าน หรือมีกุญแจสำรอง
โดยสันนิฐานเบื้องต้นไว้ว่า ระแวกบ้านนั้นมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหลายคน ก่อนเกิดเหตุได้มีหนึ่งในกลุ่มที่เกี่ยวข้องยาเสพติดแวะมาเที่ยวหาตายายที่บ้าน
ทั้งที่ไม่เคยเข้ามาก่อน นอกจากนั้นยังมีเพื่อนบ้านบางคนที่ไม่ถูกกับตาเคยมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน โดยช่วงก่อนสงกรานต์ได้นำปัสสาวะใส่ถังมาสาดใส่หน้าบ้าน
และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ทิ้งประเด็นลูกหลานหรือคนใกล้ชิดที่เดินทางมาเยี่ยมเยือนตากับยายในช่วงสงกรานต์
ซึ่งจะมีการเรียกตัวมาสอบสวนอีกครั้ง ข้อเท็จจริงและความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป