สพป.ลำพูนเขต1ตั้งกรรมการสอบภารโรงโรงเรียนในพื้นที่บ้านศรีบุญยืนวังทอง ต.เหมืองง่า ก่อเหตุจับหน้าอกเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5
ลำพูน-สพป.ลำพูนเขต1ตั้งกรรมการสอบภารโรงโรงเรียนในพื้นที่บ้านศรีบุญยืนวังทอง ต.เหมืองง่า ก่อเหตุจับหน้าอกเด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.5
จากกรณีที่นายเอ(นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวชาวไทยใหญ่และเป็นพ่อของเด็กหญิงบี(นามสมมุติ) อายุ 11 ปี เด็กนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ บ้านศรีบึญยืน -วังทอง หมู่ที่ 2 ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมือง จ.ลำพูน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าตนเองกับภรรยาทำงานเป็นคนงานก่อสร้างช่วงนี้ต้องทำไปทำงานที่ จ.ลำปาง จึงฝากให้ยายดูแลลูกสาวทั้ง 2 คน โดยพักอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน โดยตนจะกลับมาอยู่กับลูกที่ จ.ลำพูน ในช่วงวันหยุด กระทั่งมาทราบจากลูกสาวคนเล็กเมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมาในเช้าวันนั้นลูกได้ไปถึงที่โรงเรียนเช้ากว่าคนอื่นจึงนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องเรียนจู่ๆนายชาติ(นามสมมุติ) อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นนักภารโรงของโรงเรียนได้เดินมาที่ห้องเรียนก่อนจะมาพูดคุยกับลูกตนต่อมาได้ใช้มือลูบที่ศรีษะก่อนที่จะใช้มือไปจับหน้าอกทำให้ลูกตนเองตกใจมากและวิ่งไปหาเพื่อนและไปแจ้งให้ครูทราบ ก่อนที่จะได้โทรศัพท์มาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ตนฟัง ต่อมาภาคสังคมในชุมชนได้มีการเจรจาให้นักการภารโรงคนดังกล่าวมอบเงินเป็นค่าทำขวัญให้เด็ก 3 หมื่นบาทและทางโรงเรียนได้ให้ภารโรงคนดังกล่าวไปอยู่ช่วยงานที่อื่นก่อนเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ทั้งนี้ลูกสาวตนเองเรียนที่โรงเรียนดังกล่าวตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนถึงชั้น ป.5 และก็บอกว่ายังอยากเรียนที่เดิม เพราะว่ามีเพื่อนๆที่สนิทกันเรียนอยู่ซึ่งตนเองก็ยอมรับว่าอดเป็นห่วงลูกไม่ได้เนื่องจากต้องไปทำงานไกล ทั้งนี้ตนเองยังไม่ได้แจ้งตำรวจเนื่องจากมีคนที่รู้จัก ขอร้องไว้เนื่องจากกลัวโรงเรียนจะเสียชื่อเสียงประกอบกับตนไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายและงานก็เร่งทำให้ไม่มีเวลาที่จะดำเนินการเรื่องนี้
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 9.30 น.วันที่ 3ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่โรงเรียนดังกล่าวอีกครั้งพบว่าเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีเด็กนักเรียนประมาณแปดสิบกว่าคนจากการสอบถามรักษาการผอ.โรงเรียนเบื้องต้นไม่ขอให้ข่าวเนื่องจากเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจเด็กและหลังเกิดเหตุได้ทำรายงานให้ ผอ.สพป.ลำพูนเขต1 รับทราบแล้วและได้มีการย้ายภารโรงออกจากโรงเรียนไปช่วยงานที่สพป.ลำพูนเขต1ทันทีเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบดร.ณัฐกุล รุณผาบ ผอ.สพป.ลำพูนเขต1พร้อมเปิดเผยว่าหลังทราบเรื่องได้สั่งการให้ย้ายภารโรงออกจากโรงเรียนมาช่วยงานที่เขตพื้นที่ทันทีพร้อมตั้งคณะกรรมสืบสวนหาข้อเท็จจริงตามระเบียบราชการโดยให้รองผอ.เขตร่วมกับนิติกรสำนักงานและจนท.ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สืบสวนทันทีหากมีมูลก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยซึ่งมีตั้งแต่ตักเตือน,ตัดเงินเดือน,และโทษสูงสุดคือให้ออกและจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายซึ่งเบื้องต้นเจ้าตัวยังให้การภาคเสธแค่จับศรีษะเด็กเท่านั้นส่วนข้อเท็จจริงยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนอยู่
ด้านนายวินัย แป้นน้อย รองผอ.สพป.ลำพูนเขต1ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นเปิดเผยว่าตอนนี้ทางคณะกกรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้ลงพื้นที่สืบสวนแล้ววันนี้เป็นครั้งที่สองที่ลงพื้นที่ ซึ่งเบื้องต้นภารโรงรายดังกล่าวรับว่าแค่จับศรีษะและไหล่เด็กเท่านั้นเพราะความเอ็นดูเหมือนลูกหลานแต่ข้อเท็จจริงยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนและจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พบกับภารโรงรายดังกล่าวเบื้องต้นไม่ขอให้ข้อมูลและยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำตามที่เป็นข่าวเพียงแค่จับศรีษะของเด็กด้วยความเอ็นดูเท่านั้นแต่เด็กอาจจะตกใจไปเองจนทำให้เหตุการณ์บานปลายดังกล่าว