ชาวบ้านบุกโรงพักติดตามคดีแจ้งความนายกฯริมปิง โอนที่ดินโบราณสถานกู่แดงใส่ชื่อตัวเอง ข้องใจคดีล่าช้า ด้านนายกฯโต้กลับ โอนแค่วันเดียว เพราะตนเองเป็นคนวางมัดจำ
ชาวบ้านบุกโรงพักติดตามคดีแจ้งความนายกฯริมปิง โอนที่ดินโบราณสถานกู่แดงใส่ชื่อตัวเอง ข้องใจคดีล่าช้า ด้านนายกฯโต้กลับ โอนแค่วันเดียว เพราะตนเองเป็นคนวางมัดจำ
เวลา 10.30 น.วันที่ 26 ตุลาคม 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลำพูน นายถวัลย์ นามยองอมร อายุ 57 ปี เลขที่ 36/4 หมู่ที่ 4 ตำบลริมปิง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้าน รวม 6 คน ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.นภัทร อุตรพงศ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองลำพูน เพื่อสอบถามติดตามความคืบหน้าของคดี นอกจากนั้นยังยื่นเอกสารหลักฐานต่างๆเพื่อร้องเรียนผ่านสื่อฯ
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2564 นายนิรันดร์ น้อยวันนา อายุ 62 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 1 ตำบลริมปิง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน พร้อมกับพวก ได้นำเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูน ให้ดำเนินคดีต่อกับนายอเนก มหาดกียรติคุณ ขระดำรงดำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลริมปิง และนายสุทน จันต๊ะรังสี ขณะดำรงตำแหน่ง สท.ต.ริมปิง ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต และเป็นเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น
เหตุเกิดที่โบราณสถานวัดกู่แดง(ร้าง) เขตบ้านศรีบังวัน หมู่ที่ 4 ตำบลริมปิง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ต่อเนื่องกับสำนักงานที่ดินจังหวัดลำพูน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 – วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ต่อเนื่อง มี พ.ต.ท.ไกรลาศ สุวีระ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูน รับเรื่องร้องทุกข์ไว้แล้ว และมีการดำเนินการจัดการส่งสำนวนการสอบสวนรับคำร้องทุกข์ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประจำจังหวัดลำพูน ตาม พรบ.ว่าการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 4, 61 และ พ.ร.บ.มาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ส. 2551 มาตรา 30
นายถวัลย์ นามยองอมร เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลังจากแจ้งความไปกว่า 7 เดือน เรื่องได้เงียบหายไป ซึ่งตนและชาวบ้านก็ยังรอความหวังในการให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่แจ้งความไป เรื่องเงียบมากวันนี้จึงได้เดินทางมาสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดี เพื่อสอบถามความคืบหน้าว่าได้ดำเนินการไปถึงไหนอย่างไรแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีการส่งหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ร่วมกันดำเนินการตามขั้นตอน ในเบื้อต้นทราบเพียงแค่นี้ ตนและพวกก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาและเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามนายอเนก มหาเกียรติคุณ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลริมปิง ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งนายอเนกได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องที่ดินกู่แดงนั้นอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อส่งให้ทางอำเภออยู่ ส่วนของ กกต.ก็กำลังเตรียมยื่นเอกสารชี้แจงอยู่ ในเบื้องต้นนั้นที่ดินดังกล่าว ตนได้ยื่นเป็นบัญชีทรัพย์สินต่อกกต.ไปแล้ว ส่วนคำถามที่ว่าทำไม ต้องโอนที่ดินโบราณสถานไปเป็นชื่อนายกอเนก กล่าวว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นการซื้อคืน และตนเองเป็นคนวางเงินมัดจำไว้ เพราะเป็นการขอซื้อคืนในราคา 6 แสนบาท ก่อนจะต่อรองได้ 5 แสน 9 หมื่นบาท และมีเงื่อนไขว่าภายใน 3 ปี ต้องหาเงินมาจ่ายให้เขา โดยตนเองจ่ายเงินมัดจำไป 1 แสนบาท ทำไมต้องเป็นชื่อตนเอง ก้เพราะ ขณะนั้นชาวบ้านให้ความเชื่อถือตนเองในฐานะผู้นำท้องถิ่น ชาวบ้านขอให้เป็นตัวแทน ส่วนคำถามที่ว่าทำไมไม่ใช้ชื่อคนอื่น นายอเนกกล่าวว่าก็เพราะว่าตนเองเป็นคนจ่ายเงินวางค่ามัดจำ และได้ปรึกษาสำนักพุทธและสำนักงานที่ดินแล้ว ส่วนการโอนไปใช้ชื่อตนเองนั้นก็เพียงแค่โอนไปวันเดียว พอตกอีกวันก็โอนไปเป็นของสำนักพุทธ ก็เท่ากับว่าถือเอกสารแค่คืนเดียว เพียงแต่เอกสารที่ส่งไปที่สำนักพุทธนั้นใช้ระยะเวลานานถึงปีกว่า จึงได้ดำเนินการ เลยทำให้ชื้อของตนเองมันคาอยู่อย่างนั้น นายอเนกกล่าวชี้แจงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป