เรื่องเล่านักข่าวบ้านนอก…เกษียณอย่างมีคุณค่า 30 กันยายน วันสุดท้ายของการทำงานระบบราชการ
เรื่องเล่านักข่าวบ้านนอก…เกษียณอย่างมีคุณค่า 30 กันยายน วันสุดท้ายของการทำงานระบบราชการ
ถึงเวลาถอดหัวโขน 30 กันยายน คือวันสุดท้ายของการทำงาน สำหรับข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ ตามวัฏจักรเวียนวน เก่าไปใหม่มา ในวันพรุ่งนี้ 1 ตุลาคม ก็จะเป็นข่าวดีของข้าราชการหลายคนที่ได้ขยับตำแหน่งสูงขึ้นมาแทนที่ หรือย้ายจากที่เดิมที่มองดูว่าหน่วยงานหรือจังหวัดเล็กๆแล้วย้ายไปที่ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ที่ตำแหน่งดีกว่าเดิม ก็ขอแสดงความยินดีด้วย ส่วนคนอกหักไม่ได้ดั่งใจคิดก็มีบ้างเป็นเรื่องปกติของระบบราชการ เมื่อตำแหน่งมีน้อย คนต้องการมีมากกว่า บางครั้งก็มีเหตุมีผล บางครั้งก็อยู่กับความพึงพอใจของผู้ที่มีอำนาจสูงกว่า หรือเด็กในคาถาของใคร คนโปรดของใคร ธรรมเนียมปฏิบัติอาจจะมาทีหลัง คนที่ไว้ใจได้เท่านั้นที่จะถูกเลือก เป็นเรื่องปกติวิสัยในระบบสังคมข้าราชการไทย คนที่ปรับตัวเองก่อนเกษียณทำงานด้วยความดี พูดจาปราศรัยดีกับลูกน้อง ไม่ทิ้งขี้ให้ลูกน้องตามเช็คตามแก้ บางคนเกษียณไปยังต้องวิ่งรอกไปขึ้นศาล ไป ปปช.ไป สตง. บางคนถึงกับติดคุกตอนแก่ก็มีให้เห็นบ่อยๆ บางคนเกษียณไปอย่างมีความสุข ลูกน้องรักใคร่นับถือเป็นนายไปตลอดชีวิต แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ลูกน้องสาปส่งอยากให้ไปตั้งนานแล้ว รู้สึกโล่ลอกโล่งใจถึงขั้นฉลองก็มี
ผมในฐานะนักข่าว(บ้านนอก) ที่คลุกคลีตีโหมง อยู่กับข้าราชการ ทุกสังกัด ทุกกรมกอง ทุกกระทรวงทบวงกรม ต้องขอบคุณข้าราชการทุกท่านที่ครบอายุเกษียณราชการในวันนี้ ดีใจด้วยที่ประคองตัวให้อยู่รอดปลอดภัยในทุกๆด้านมาจนถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนจะถอดหัวโขนออก ขอบคุณทุกข้อมูลข่าวสารที่มอบให้ แม้อาจจะมีข้อจำกัดตามระบบราชการ หลายคนให้ความรักความเมตตา ให้ทั้งความรู้ ให้ทั้งประสบการณ์ ให้ทั้งข้อมูลข่าวสารที่บางครั้งก็เป็นความลับในระบบราชการ แต่ก็ยังมีเมตตากับผม จึงทำให้ผมเป็นนักข่าวที่รู้จริงรู้ลึก มีข้อมูลเอกสารหลักฐาน ที่สามารถต่อกรกับผู้กระทำผิดได้โดยที่ไม่ถูกเอาคืนหรือถูกย้อนศร ถึงย้อนมาผมก็โต้แย้งแก้ต่างได้สบาย เพราะฉะนั้นทุกข้อมูลข่าวสารที่นำเสนอในบางเรื่องจึงแน่นปึกและชัวร์ อีกทั้งเชื่อถือได้
เพราะข้าราชการระดับสูงหลายท่านมองผมที่ความตั้งใจในการทำงาน ความจริงใจที่สื่อสารทุกเรื่องแบบตรงไปตรงมา รักก็บอกว่ารัก ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่รักไม่ชอบไม่ใช่ก็บอกตรงๆ คนที่มีวุฒิภาวะเขาจะเข้าใจผมดี ถ้าปราศจาคอคติกับตัวตนของผมที่นำเสนอข่าวสารตามสไตล์ตรงไปตรงมา ไม่สนว่าใครจะเสียหน้า เสียผลประโยชน์ มันเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเขาได้ประโยชน์จากการนำเสนอข่าว ได้หน้าได้ผลงานจากการนำเสนอข่าวสาร เขาก็จะบอกว่าผมเก่งผมเป็นคนดีสุดยอดสารพัดคำเยินยอ แต่ถ้าเขาเสียหน้าเสียผลประโยชน์ หรือสูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่เขาคิดว่าเขาควรจะได้ หรือทำให้งานของเขาธุรกิจของเขาหยุดชะงัก เขาก็จะบอกว่าผมแย่ผมเลว ก็แล้วแต่จะสรรหามากล่าวโทษกล่าวร้าย แต่ผมเชื่ออยู่อย่างคนดีเขาไม่เกลียดผมแน่นอน คนที่เกลียดผมคือคนประเภทไหนย่อมรู้อยู่แก่ใจ
นั่นเป็นเรื่องปกติที่ผมและเชื่อว่านักข่าวทุกคนตระหนักดีอยู่แล้วจึงไม่สะทกสะท้านหรือกระเทือนผลกระทบหรืองสิ่งที่จะตามมา พร้อมที่จะต่อกรและเปิดหน้าชน เพราะนักข่าวอาชีพ กับอาชีพนักข่าว ความหมายมันต่างกัน งานข่าวของผมตลอดระยะเวลากว่า 22 ปี ที่กระโจนเข้าสู่วงการ มันส่งสมบทเรียนมาเยอะ เจ็บมาเยอะ จำมามาก ถึงวันนี้แม้จะมีภูมิต้านทาน จากไวรัสวงจรอุบาทว์ ก็เชื่อว่าตนเองมีวัคซีนเพียงพอ ที่จะต่อสู่กับคนบางประเภทได้ดี แต่ก็รำลึกเสมอว่านักรบแนวหน้าโอกาสพลาดย่อมมีอยู่สูงก็ตาม
วงการที่นักข่าวหรือสื่อมวลชนสัมผัสมากที่สุดอันดับหนึ่งก็คือวงการข้าราชการตำรวจ ทุกมิติผมสัมผัสได้ ทำงานร่วมกันมาตามหน้าที่ของแต่ละคน รู้จักสนิทสนมกันเคารพนับถือกันก็มีมาก เป็นคู่อริไม่ชอบขี้หน้ากันก็หลายคน สนิทชิดเชื้อกับข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายคน แต่ไม่เคยเอานายมาแอบอ้างเกินเลยเกินขอบเขต นายตำรวจระดับพลตำรวจเอก พลตำรวจโท พลตำรวจตรี รวมถึงระดับหัวหน้าโรงพัก พ.ต.อ. ที่รู้จักคุ้นทุกท่านก็ให้ความรักความเอ็นดูป้อนข้อมูลข่าวสารต่างๆให้โดยไม่ปิดบัง นี่ยังไม่นับรวมทั้งชุดสืบสวน พนักงานสอบสวน และระดับปฏิบัติงาน ตั้งแต่นายสิบยันดาบ ยัน พ.ต.ท.ที่คลุกคลีตีโมงในการทำงาน และนอกเวลาที่ดริ้งนอกรอบกันบางโอกาส ตำรวจใจนักข่าวนักข่าวเข้าใจตำรวจ เราทำงานร่วมกัน
ขอบพระคุณท่าน พล.ต.ต.นฤชิต เนียวกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ที่ทำงานวันสุดท้ายก่อนเกษียณ ที่ยังรักและเมตตาเรียกผมเข้าพบ พร้อมกับคำสั่งการฝากมากมายหลายเรื่องให้ทีมงานชุดต่อไปดูแลเมตตาผมเหมือนเดิม ผมนำพระรอด ปี 2534 ที่สร้างโดยสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย(สนพท.)ไปมอบให้ท่านและบอกท่านว่าขอให้ท่านเกษียณอย่างมีความสุข ทำบุญให้อิ่มบุญเหมือนที่ท่านชอบสะสมบุญบาระมี เที่ยวอย่างอิ่มเอมและมีความสุขในบั้นปลายชีวิตเกษียณ
วงการตำรวจจังหวัดลำพูนก็มีข้าราชการเกษียณจำนวนมากในปีนี้ ทั้งผู้บังคับการฯผู้กำกับการหัวหน้าสถานี ที่คุ้นเคยกัน เช่น พ.ต.อ.ดรณภพ ศิริชัย ผกก.สภ.บ้านธิ พ.ต.อ.ณรงค์ หมื่นอภัย ผกก.สภ.ลี้ เป็นต้น รวมทั้งหมด 56 นาย (เกษียณ 48 เออรี่ 8) แต่มีกำลังพลมาเติมให้เพียง 40 นาย ซึ่งยังถือว่ายังขาดแคลน โดยเฉพาะระดับปฏิบัติงาน โดยเฉพาะสายปราบปราม ตั้งสายตรวจและป้อมยาม และสายสืบสวน ก็ต้องรอคอยกำลังเพิ่มเติมกันต่อไป
ขอขอบคุณข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่งคือท่านชาคร ณ.ลำปาง หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดลำพูน ที่ครบเกษียณวันนี้เหมือนกัน ผมโทรอวยพรและขอบคุณท่านที่รักและเมตตากับผมด้วยดีเสมอมา ข่าวภัยพิบัติน้ำท่วมแจ้งข่าวผมก่อนคนอื่นเสมอ ลงพื้นที่ก็นำรถมารับผมไปด้วย ให้ผมติดสอยห้อยตามอยู่บ่อยครั้ง เวลาผมไม่อยู่ในพื้นที่ ผมขอรูปข่าวเหตุการณ์ต่างๆก็จัดให้(สั่งได้555) มีอะไรท่านก็เล่าให้ฟัง ทั้งคนรักคนเกลียด สาระความรู้ข้อมูลที่สำคัญท่านไม่ปิดบังผม ถามไปตอบมา บางเรื่องไม่ต้องถามถ้าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อพี่น้องประชาชนท่านก็ยกโทรศัพท์สายตรงมาทันที ขอบคุณครับ และอีกหลายท่านไม่ได้กล่าวถึงเพราะเยอะเกินเอาเป็นว่า เราเข้าใจกันพอ
สุดท้ายท้ายสุดขอให้ทุกท่านใช้ชีวิตหลังเกษียณชีวิตราชการอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะออกไปทำธุรกิจ (คิดให้ดีว่าตนเองมีความรู้มีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน เพราะโลกของธุรกิจกับโลกของข้าราชการคนละเรื่อง) ออกไปอยู่บ้านเฉยๆ (ออกกำลังกายดูแลสุขภาพและห้ามเหงาเดี๋ยวจะเป็นโรคซึมเศร้า ) ออกไปเลี้ยงหลาน (ยินดีด้วยนั่นคือความสุข แต่อย่าลืมนะหลานไม่ใช่ลูก จะเคี่ยนจะตีจะด่าควรสำเนียกให้มาก ลูกคุณอาจจะไม่พอใจจนเป็นรอยร้าวในครอบครัวขึ้นได้) ออกไปเดินทางท่องเที่ยว (ขับรถให้ระมัดระวังให้มากเพราะคุณเริ่มชราภาพ สายตาและประสบการณ์ในการขับรถน้อย เพราะที่ผ่านมาคุณมีคนขับประจำตำแหน่ง จึงนั่งสบายมานาน ) ออกไปเดินสายทำบุญ (ระวังอย่าให้โดนหลอกตอนแก่ เพราะความเชื่อความศรัทราไม่เข้าใครออกใคร บทคนเรามันจะเชื่อมันจะงมงายใครก็ต้านไม่อยู่ อย่าเสียเชิงชายให้เขาหลอกตอนแก่ เพราะเงินทองที่สะสมมาอาจจะหมดก่อนตาย ) ที่สำคัญก่อนตายใช้เงินยังไม่หมดเขาเรียกว่ามีบุญ แต่ถ้าเงินหมดก่อนตายเขาเรียกว่าหมดบุญ แล้วเขาจะค่อนแคะว่านั่นเวรกรรมตามทันแล้วไหมละ (นี่แหละเขาเรียกว่าปากคน) โชคดีมีชัยทุกท่านครับ
ชัชวาลย์ คำไท้
(ชัด ราชวงษ์ )
30 กันยายน 2564