ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา รปภ.พร้อมเพื่อนสาวคนสนิท หลังมือไวหยิบกระเป๋าเงินเจ้าของร้านอาหารชื่อดังไปไหว้พระธาตุหริภุญชัย แล้วลืมวางไว้ ตร.ชุดสืบสวน สภ.เมืองลำพูนตามแกะรอยพบเงินซุกใต้ที่นอนยังอยู่ครบ
ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา รปภ.พร้อมเพื่อนสาวคนสนิท หลังมือไวหยิบกระเป๋าเงินเจ้าของร้านอาหารชื่อดังไปไหว้พระธาตุหริภุญชัย แล้วลืมวางไว้ ตร.ชุดสืบสวนตามแกะรอยพบเงินซุกใต้ที่นอนยังอยู่ครบ
จากกรณีที่ นางสาวหทัยรัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมด้วยสามี เจ้าของร้านอาหารชื่อดังจังหวัดลำพูน (ร้านซิวอัพ) ได้พากันไปทำบุญไหว้พระธาตุหริภุญชัย กลางเมืองลำพูน เมื่อเวลา 11.27 น. วันที่ 29 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา แล้วเกิดลืมกระเป๋าเงินชนิดแบบคล้องมือ ยี่ห้อโค้ช สีน้ำตาล โดยได้วางไว้บริเวณศาลาด้านทิศใต้ของวัดพระธาตุ (ตามภาพกล้องวงจรปิด ) ภายในกระเป๋ามีเงินสดอยู่จำนวน 41,500 บาท นอกจากนั้นภายในกระเป๋ายังมีบัตร ATM บัตรประชาชนและเอกสารสำคัญต่างๆ อีกหลายชนิด แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ก็กลับมาก็ไม่พบกระเป๋าดังกล่าว จึงได้ขออนุญาตทางวัด ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมกับแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำพูน ร่วมตรวจสอบ
ในภาพจากกล้องวงจรปิด ก็พบว่ามีชายหญิงสูงวัยสองคน เดินเข้ามาที่บริเวณดังกล่าวแล้วหยิบกระเป๋าเงินได้ และทำการเอาเงินออกมานับ หลังจากนั้นก็พากันเดินกลับไป โดยได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกมุม ก็พบว่าเดินไปขึ้นรถกระบะสีแดง ขับหลบหนีไปโดยไม่มีการนำกระเป๋าไปมอบให้เจ้าหน้าที่หรือแจ้งความและแจ้งเจ้าหน้าที่ประกาศหาเจ้าของแต่อย่างใด
ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน(29 มี.ค.64) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำพูน อำนวยการโดย พ.ต.อ.ฐิติพล อรุณสกุล ผกก.สั่งการให้ชุดสืบสวน ทำการแกะรอยจากทะเบียนรถตามข้อมูลในกล้องวงจรปิด พบว่ารถกระบะคันดังกล่าวเจ้าของอยู่ที่ หมู่ที่ 9 ตำบลสันติสุข อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ จึงตามไปที่บ้านก็พบเจ้าของรถ โดยระบุว่ารถยนต์กระบะคันดังกล่าวพ่อตนเองเป็นคนใช้รถ โดยพ่อทำงานเป็น ยาม หรือ รปภ.อยู่ที่ย่านนิคมอุตสาหกรรมลำพูน และพักอยู่แถวบ้านประตูโขง เจ้าหน้าที่จึงตามไปที่พัก ก็พบกับนายชูชาติ ชูศรีบุตร อายุ 62 ปี ส่วนเพื่อนสาวคนสนิทที่ไปด้วยไม่พบตัว เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจค้น พบว่านายชูชาตินำกระเป๋าดังกล่าวซุกไว้ใต้ที่นอน จึงทำการตรวจนับเงินพบว่าเงินสดจำนวน 41,500 บาท พร้อมกับเอกสารต่างๆตามที่เจ้าทุกข์แจ้งความไว้ยังอยู่ครบทุกอย่าง จึงนำตัวไปเพื่อนมอบเงินคืนให้กับผู้เสียหาย และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจะให้พนักงานสอบสวนเรียกตัวมาพบอีกครั้งเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะแม้ทรัพย์สินจะอยู่ครบ แต่เจตนา และการกระทำผิดได้เกิดขึ้นแล้ว