ตำรวจ ตชด.33 สนธิกำลังฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบุกทลายโรงงานเฟอร์นิเจอร์เถื่อน ในสวนลำไยกว้างกว่า 20 ไร่ ยึดของกลางนับร้อยรายการ มูลค่านับล้านบาท
ลำพูน-ตำรวจ ตชด.33 สนธิกำลังฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบุกทลายโรงงานเฟอร์นิเจอร์เถื่อน ในสวนลำไยกว้างกว่า 20 ไร่ ยึดของกลางนับร้อยรายการ มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท
วันที่ 4 มีนาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.33 จากการอำนวยการของ พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม ผบก.ปทส. พ.ต.อ.อริยพล สินสอน และ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส. นำกำลังกว่า 30 นาย บุกจับกุมโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์เถื่อน กลางสวนลำไย ยึดของกลางหลายร้อยรายการมูลค่ากว่า 1ล้านบาท
ตามคำสั่งการของ ผกก.4 บก.ปทส. ให้ชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามประจำจังหวัดลำพูน เชียงใหม่ ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี มีราษฎรซึ่งเป็นบุคคลในพื้นที่ แจ้งข่าว/เบาะแส การกระทำความกฎหมายเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งว่า “มีบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยเป็นราษฎรบนพื้นที่สูงได้รวมกลุ่มกัน อาศัยอยู่ในโรงงานร้างไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ในแปลงที่ดินด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้านสะแล่ง หมู่ที่ 2 ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ที่ดินแปลงดังกล่าวได้ทำการปลูกลำไยมีต้นลำไยขึ้นปกคลุมเต็มพื้นที่ กลุ่มบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทยดังกล่าว ได้ลักลอบนำไม้ผิดกฎหมาย หรือรับซื้อไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมายมาซุกซ่อนไว้อยู่ในสวนลำไยดังกล่าว และได้ร่วมกันทำการแปรรูปไม้โดยผิดกฎหมายมาเป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือนเศษ โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายอาญาของบ้านเมือง ผู้ร้องเรียนแจ้งว่า เคยร้องเรียน/แจ้งข่าวสารไปยังสถานีตำรวจภูธรท้องที่เกิดเหตุแล้ว เรื่องก็เงียบหายไป ได้ร้องเรียนไปที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดลำพูนแล้วเรื่องก็เงียบหายไป และได้ร้องเรียนไปที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ลพ.1 (แม่ธิ-แม่สาร) ปรากฏว่าเรื่องก็เงียบหายไปอีก จึงร้องเรียนมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ดำเนินการตามกฎหมาย” นั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามประจำจังหวัดลำพูน เชียงใหม่-ฮอด ได้ทำการสืบสวนพบมีมูลตามร้องเรียน จึงได้ประมวลเรื่องขอหมายค้นจากศาลจังหวัดลำพูน วันนี้ 4 มีนาคม 2564 จึงได้นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นบริเวณสวนลำไยท้องที่บ้านใหม่ฝายหิน (เดิม)หมู่ที่ 2 บ้านสะแล่ง ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน โดยประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.33 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นิคมอุตสาหกรรมลำพูน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 กรมป่าไม้ (ส่วนกลาง) เจ้าหน้าที่ปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองลำพูน เข้าร่วมทำการตรวจค้น พบแรงงานบุคคลต่างด้าว ซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (ราษฎรบนพื้นที่สูง) จำนวนประมาณ 30 คน กำลังแปรรูปไม้ ประกอบ ประดิษฐ์ ทาสี สิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม พบอุปกรณ์การแปรรูปไม้มากว่า 20 รายการ จำนวนกว่า 100 ชิ้น/หน่วย สิ่งประดิษฐ์ฯ จำนวนกว่า 100 หน่วย /ชิ้น ตรวจสอบการอนุญาตตามกฎหมาย ไม่มีการขออนุญาตหรือได้รับอนุญาตตามกฎหมาย จึงแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมาย และแจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดตาม พรบ.ป่าไม้ฯ ฐาน ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ร่วมกันตั้งโรงงานแปรรูปไม้เพื่อประดิษฐ์กรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำการแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักรฯ มีสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และกระทำความผิดตาม พรบ.โรงงาน 2562 ตั้งและประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นโรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษและมลภาวะ จึงจัดให้เป็นโรงงานตามประเภท ชนิดของโรงงานท้ายกฎกระทรวง พรบ.โรงงาน พ.ศ. 2562 เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่า มีนายกฤษฎา จีริผาบ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 204 ม.12 ต.บ้านกลาง อ.เมืองลำพูน เป็นผู้ว่าจ้าง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรมดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
อนึ่ง เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเปิดเผยว่าโรงงานแห่งนี้เปิดมานานกว่า 2 ปี โดยการรับซื้อไม้เก่าส่วนมากเป็นไม้สัก จากบ้านเรือนเก่านำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ และรับซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้เก่ามาทำสีใหม่ แล้วขายผ่านโซเซี่ยล จากกิจการเล็กขยายตัวอย่างรวดเร็ว สินค้าเฟอร์นิเจอร์ไม้สักขายดิบขายดีผลิตแทบไม่ทัน แต่ละเดือนมีรายได้หลายแสนบาท ทำให้ต้องขยายพื้นที่และมีช่างเฟอร์นิเจอร์มาขอทำงานด้วยกว่า 20 คน ซึ่งอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆที่ช่างย้ายมาอยู่ด้วย ประกอบกับกิจการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และอยู่ในขั้นตอนของการขออนุญาต แต่ก็ถูกจับกุมก่อน