ตำรวจ สภ.นิคมฯลำพูน รวบแก๊งจำนำทองปลอมเงินเคลือบทองจริง ใช้บัตรคนตายหน้าเหมือนตนเองเป็นหลักฐานหลอกจำนำทอง พบก่อคดีประวัติโซกโซน ประวัติยาวเหยียด

ตำรวจ สภ.นิคมฯลำพูน รวบแก๊งจำนำทองปลอมเงินเคลือบทองจริง ใช้บัตรคนตายหน้าเหมือนตนเองเป็นหลักฐานหลอกจำนำทอง พบก่อคดีประวัติโซกโซน ประวัติยาวเหยียด

ค่ำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 พ.ต.อ.ดรณภพ ศิริชัย ผกก.สภ.นิคมอุตสาหกรรม  จ.ลำพูน สั่งการให้ พ.ต.ท.มรกต ศิริชัย รอง ผกก.สส.สภ.นิคมอุตสาหกรรม,ร.ต.อ.วิฑูรย์   ต๊ะสุภา รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.เฉลิม  กองคำ  รอง สว.สส. ฯ,  ร.ต.อ.ณรัฐ    มันตรฤทธิกุล   รอง สว.สส.ฯ , ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์  บันลือสุข รอง สวป.ฯ , ร.ต.ต.สุนทร วัชรกาวิน รอง สว.(ป.) ฯ , ด.ต.อำนวย บัวเผื่อน, ด.ต.สงกรานต์  เกตุมอญ , ด.ต.ฌาณทัต  อินจันทร์, และ ส.ต.ท.อนุพงษ์  ใจเทพ ผบ.หมู่ ฯร่วมกันจับกุมตัว นายสานิต  ญาณยุทธ  อายุ 63  ปี ที่อยู่ 9/140  แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานครฯ ภายในร้านจำหน่ายทองลัคกี้ เยาวราช เลขที่ 204/20  หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน

ขณะที่นายสานิต ณาณยุทธ  นำสร้อยคอทองคำปลอม น้ำหนักเส้นละ 2 บาท จำนวน  2  เส้น  ไปขายให้กับพนักขายทองภายในร้านทองลัคกี้เยาวราช เป็นเงินจำนวน 96,000 บาท โดยขณะเดินเข้าไปในร้าน นายสุวิจักขณ์  กังวาลไกร อายุ  32  ปี  ซึ่งเป็นเจ้าของร้านทองร้านทองลัคกี้ เยาวราช ได้ยืนอยู่ร้านทองอีกร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน สังเกตุเห็นว่าชายคนที่เข้าไปในร้านทราบชื่อต่อมาคือนายสานิต ลักษณะท่าทางไม่น่าไว้วางใจ มีการใส่หมวกปิดบังใบหน้าและใส่ผิดปิดจมูก จึงเดินข้ามไปดู ก็พบว่านายสานิต มีรูปร่างหน้าตาใกล้เคียงกับที่ทางสมาคมร้านทองเคยแจ้งเตือนภัยให้ระวังแก๊งขายทองปลอม ระหว่างที่เข้าไปซักถามแสดงอาการมีพิรุธ ตนจึงได้ทำการปิดล็อคประตูร้านทอง นายสานิตเห็นท่าไม่ดีพยายามจะหลบหนี แต่ไม่สามารถเปิดประตูได้ ตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เพื่อนที่เป็นตำรวจทราบ ก่อนที่จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมได้ เมื่อตรวจสอบทองที่นำมาจำนำเมื่อมองด้วยตาเปล่าจะไม่รู้ว่าเป็นทองปลอม เพราะทำมาเนียนมาก เมื่อใช้เคมีตรวจสอบก็ปรากฏว่า เป็นทองปลอม เพราะด้านในเป็นเงินซุบด้วยทองคำแท้เคลือบด้านนอก เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.นิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือ

หลังจากนั้นกลุ่มสมาคมร้านทองได้มีการแจ้งเตือนภัยให้สมาชิกทราบ ซึ่งทุกร้านได้ทำการตรวจสอบสร้อยคอทองคำที่รับจำนำหรือขายฝากไว้ ก็ปรากฏว่ามีร้านทองที่ตกเป็นเหยื่ออีก  1 ร้านคือร้านทองใหม่เยาวราช อยู่ที่ตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน มีนายภัทรพันธ์ ชัยกองเกียรติ อายุ 39 ปี ตกเป็นเหยื่ออีก 1 ราย โดยคนร้ายนำทองมาขายฝากเมื่อวันที่ 31 พ.ย.63 ที่ผ่านมา จึงนำหลักฐานที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยภาพจากกล้องวงจรปิด เดินทางมาแจ้งความเพิ่มเติม

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นิคมอุตหสากรรมฯ นายสานิต ผู้ต้องหาให้การว่าตนเองเป็นผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ร้านจริง โดยตนเองมากับผู้หญิงชื่อติ๋ม เป็นชาว จ.ลำพูน (หลบหนีการจับกุมไปได้)ซึ่งรู้จักกันที่กรุงเทพฯนานแล้ว และยอมรับว่าหากินด้วยวิธีการนี้มานานแล้วประมาณ 5-6 ปี มีเพื่อนร่วมแก๊งหลายคน ซึ่งวิธีการคือตนเองรับสร้อยทองคำจากเพื่อนคนหนึ่งที่กรุงเทพฯนำมาตระเวนขายฝากโดยใช้บัตรประชาชนปลอมของคนที่เสียชีวิตไปแล้วที่หน้าตาคล้ายตนเองเป็นหลักฐานในการขายฝาก หากร้านไหนซักมากสอบถามเรื่องเยอะหรือต้องการเอกสารเพิ่มเติมตนก็จะปฏิเสธไม่ขายแล้วเดินออกไปเลือกร้านที่ไม่เรื่องมากแทน โดยพากันตระเวนไปหลายจังหวัด เมื่อได้เงินจากการขายฝากก็จะแบ่งกัน ทำไปเรื่อยๆ และตั้งใจว่าเสร็จงานครั้งนี้ก็จะหยุดแล้ว แต่มาถูกจับเสียก่อน ซึ่งตนยอมรับสิ่งที่ตนเองทำขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา ว่า1 ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น (บัตรประจำตัวประชาชน) โดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ฯ 2.พยายามฉ้อโกงทรัพย์ ฯ 3.ฉ้อโกงทรัพย์ฯ

จากการตรวจสอบประวัติของนายสานิต พบว่าก่อคดี ฉ้อโกงทรัพย์ ท้องที่ สภ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี ปี 2552 คดีฉ้อโกงทรัพย์ ท้องที่ สภ.คง จ.นครราชสีมา ปี 2554 คดีฉ้อโกงทรัพย์ ท้องที่ สภ.ปากคาด จ.บึงกาฬ ปี 2554 คดี ฉ้อโกงทรัพย์ ท้องที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ปี 2554 คดีพยายามฉ้อโกง ท้องที่ สภ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร ปี 2557 และนอกจากนั้นยังมีคดียาเสพติดอีกหลายคดี และล่าสุดก่อเหตุหลายท้องที่ใน จ.ลำพูน

(สงวนลิขสิทธิ์ ภาพ-ข่าว)