ธ.ก.ส.สนับสนุนสอนเชื่อ เพื่อปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกมันฝรั่งด้วยระบบน้ำหยด

ธ.ก.ส.สนับสนุนสอนเชื่อ เพื่อปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกมันฝรั่งด้วยระบบน้ำหยด

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2563 ที่ห้องประชุม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย)เทรดดิ้ง จำกัด ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ได้จัดให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ เพื่อร่วมมือกับ ธนาคาร ธ.ก.ส.

นายเสกสรร จันทร์ขวาง ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) กล่าวว่า มันฝรั่งจัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือ ให้ผลตอบแทนสูง แหล่งปลุกสำคัญอยู่ทางภาคเหนือ มีสภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวย อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย พะเยา และแม่ฮ่องสอน พื้นที่การผลิตทั้งประเทศ 45,689 ไร่ ปริมาณผลผลิต 127,935 ตัน มีเกษตรกรที่เกี่ยวข้อง 9,351 ครัวเรือน (ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรปี 2562 ) ขณะที่ความต้องการ มันฝรั่งของภาคอุตสาหกรรมอาหารสูงถึง 160,000 ตัน ภาครัฐเองก็มีการส่งเสริมให้มีการเพิ่มผลผลิต เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภคภายในประเทศ ลดการนำเข้าหัวมันฝรั่งจากต่างประเทศ แนวทางสำคัญที่จะสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้ ได้แก่ การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้นด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ขณะเดียวกันเกษตรกรก็ต้องแสวงหาวิธีการ ที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง เพื่อสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพด้วย

ธ.ก.ส.มีบทบาทสำคัญในการเข้าไปสนับสนุน ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อ ที่มีเงื่อนไขผ่อนปรน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้เกิดการพัฒนา และปรับเปลี่ยนด้วยการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม ได้แก่สินเชื่อปรับโครงสร้างการผลิตสู่ความนั่งยืน สินเชื่อสีเขียว สินเชื่อ SME เกษตรและสินเชื่อธีกิจชุมชนสร้างไทยฯ โดยในวันที่ 9 กันยายน 2563 ได้จัดให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ เพื่อร่วมมือระหว่าง ธนาคาร ธ.ก.ส.กับ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย)เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินการด้านการผลิต และจำหน่ายมันฝรั่งทอดกรอบ “เลย์”(Lays)

สำหรับรูปแบบวิธีการดำเนินงานนั้น จะสนับสนุนการปรับเปลี่ยนจากการเพาะปลุกด้วยระบบชลประทาน เป็นระบบน้ำหยด(Dnip lrrigation ) ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปริมาณผลผลิต ต่อไร่สูงขึ้น สามารถควบคุมน้ำและธาตุอาหารแก่พืช ตลอดจนลดความเสี่ยง จากผลกระทบของภัยแล้งได้เป็นอย่างดี เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร สร้างความยังยืนในการประกอบอาชีพ นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของเกษตรกรและชุมชน มีเป้าหมายพื้นที่ดำเนินการ 22,000 ไร่ ผลผลิต 80,000 ตัน มีเกษตรกรได้รับผลประโยชน์ 3,500 ครัวเรือน

นอกจากนี้ในปี 2563 ธ.ก.ส.พร้อมที่จะอำนวยสินเชื่อเพื่อการปรับ/เปลี่ยน/พัฒนาการผลิตด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม 12,000 ล้านบาท และสิรเชื่อให้แก่เกษตรกรที่เป็น Smart Farmfr ไม่น้อยกว่า 130,000 ราย จำนวนเงิน 22,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และการตลาดสมัยใหม่ ผู้สนใจสามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาใกล้บ้านท่าน