ปศุสัตว์ลำพูนอ้ำๆอึ้งๆกั๊กตัวเลขโรคไวรัสระบาดหมู เพิร์ส หรือ PRRS อ้างแค่ 5 ตัว สวนทางกับกระแสข่าว
ปศุสัตว์ลำพูนอ้ำๆอึ้งๆกั๊กตัวเลขโรคไวรัสระบาดหมู เพิร์ส หรือ PRRS อ้างแค่ 5 ตัว สวนทางกับกระแสข่าว
จากกรณีที่ได้เกิดโรคระบาดไวรัสหมู หรือ โรคระบาดไวรัสหมู เพิร์ส หรือ PRRS ในพื้นที่ตำบลมะเขือแจ้ ตำบลป่าสัก อำเภอเมือง และตำบลน้ำดิบ ตำบลนครเจดีย์ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน พบเมื่อประมาณ วันที่ 21 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา และมีการปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริงแก่สื่อมวลชนและประชาชน โดยได้มีการสั่งการตั้งชุดเฉพาะกิจ จากส่วนกลางและจากเขตรับผิดชอบ ในภาคเหนือ เป็นชุดกำจัดหมูหรือฆ่าหมูทิ้ง โดยชุดทำงานดังกล่าวได้พักที่อาคารเรียนของโรงเรียนจามเทวี แล้วออกทำงานกลางคืน
โดยไปตามฟาร์มเลี้ยงหมูของชาวบ้านและกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่เลี้ยงหมูตั้งแต่ 1 ตัวจนถึงฟาร์มที่มีหมูหลายร้อยตัว โดยในเบื้องต้นจะกำจัดหมูดำหรือหมูพื้นบ้านของชาวบ้านก่อน เพราะการสอบสวนโรคพบว่าต้นเหตุ ของการแพร่ระบาดไวรัสหมู เพิร์ส หรือ PRRS เริ่มมาจากหมูดำ โดยการนำข้ามเขตมาจากอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่เชื่อจะลามและแพร่ขยายเป็นวงกว้าง จึงมีการกำจัดหมูในรัศมี ตามที่กฎหมายกำหนด เรื่องของการป้องกันโรคระบาด แต่จากการติดตามข้อมูลของผู้สื่อข่าวโดยการสะกดรอยตามคณะทำงานกำจัดหมู ไปในพื้นที่ตำบลป่าสัก อำเภอเมือง ตำบลนครเจดีย์อำเภอป่าซาง และเขตอำเภอลี้ ไม่สามารถเข้าไปในฟาร์มได้เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้องห้ามและเป็นที่ส่วนบุคคล จึงมีการแอบถ่ายภาพได้เพียงบางส่วนเท่านั้น จากการเฝ้ามองดูก็พบว่ามีการทำตามระบบและขั้นตอนของการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ โดยนำรถแบคโฮขุดหลุม บางแห่งมีผ้าใบรอง แล้วพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ โรยปูนขาว กลบดิน โรบปูนขาวอีกครั้งตามด้วยการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ในช่วงแรกที่เจ้าหน้าที่เข้าไปติดต่อไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านที่เลี้ยงหมู แต่จากการเจรจาและมีการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้ตามเกณฑ์ของราชการและราคาตามประกาศของสหกรณ์ฯผู้ประกอบการจึงยินยอมและปิดข่าวเงียบมาตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนตัวเลขที่แท้จริงของการทำลายหมูในพื้นที่จังหวัดลำพูนยังไม่ชัดเจน มีแต่ข้อมูลจากการประเมินจำนวนฟาร์มและหมูในแต่ละพื้นที่ ของจำจังหวัดลำพูน รวมกันตัวเลขคาดเดาประมาณ 5,000-8,000 ตัว ซึ่งใกล้เคียงกับข่าวลือประมาณ 10,000 ตัว แต่ไม่มีใครยืนยันชัดเจน เพราะส่วนที่เกี่ยวข้องพยายามจะปกปิดไม่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน โดยอ้างว่าจะกระทบต่อการส่งออกหากข่าวนี้เผยแพร่ออกไป จึงมีการอ้างการให้ข่าวต้องเป็นข้าราชการระดับสูงในกรมปศุสัตว์เท่านั้น
ล่าสุดวันที่ 8 กันยายน 2563 ทางจังหวัดลำพูนได้จัดกิจกรรมผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูนและหัวหน้าส่วนราชการ พบสื่อมวลชนจังหวัดลำพูน จึงมีการจุดประเด็นคำถามเกิดขึ้น ซึ่งทางนายอนุชา ศานติวิจัย ปศุสัตว์จังหวัดลำพูน ก็ได้จำใจตอบคำถามกับสื่อมวลชนอีกครั้งแบบอ้อมแอ้มไม่กล้าเปิดเผยตัวเลขจำนวนหมูที่ถูกกำจัดและงบประมาณในการดำเนินการ โดยบอกเพียงว่าตัวเลขหมูที่ถูกทำลายมีเพียงแค่ 5 ตัวเท่านั้น ซึ่งผู้สื่อข่าวคาดว่าน่าจะมีการปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง ในส่วนของภาพที่เจ้าหน้าที่ใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อและภาพหมูตามที่ปรากฏภาพที่เผยแพร่กันในสื่อโซเซี่ยลนั้น นายอนุชายืนยันว่าไม่ใช่ภาพในพื้นที่จังหวัดลำพูน
ความคืบหน้าล่าสุดช่วงเย็นวันที่ 8 กันยายน 2563 มีข่าวว่ามีผู้ประกอบการเลี้ยงหมู(ขอสงวนนาม) ได้โวยวายว่าหมูที่ฝังไว้ภายในฟาร์ม ได้ขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการแก้ไขด้วย ซึ่งผู้สื่อข่าวจะได้ติดตามข้อเท็จจริงมานำเสนออีกครั้ง
(ข้อมูลข่าวเดิม)โรคระบาดไวรัสหมู เพิร์ส หรือ PRRS ติดเชื้อจากหมูดำก่อนลามเข้าฟาร์ม ต้องฆ่าหมูทิ้งนับพันตัว พร้อมชดเชยให้ผู้เลี้ยง ยันคุมได้เอาอยู่ ติดเชื้อเฉพาะหมูไม่ลามสู่คน
วันที่ 1 กันยายน 2563 จากกรณีที่มีกระแสข่าวลือเรื่องของการที่มีชุดเฉพาะกิจของกรมปศุสัตว์ ได้เข้าพื้นที่จังหวัดลำพูนและพักอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งกลางเมืองลำพูน แล้วนำเจ้าหน้าที่เดินทางไปตามฟาร์มหมูและโรงฆ่าสัตว์ ต่างๆในพื้นที่จังหวัดลำพูน และใกล้เคียง เพื่อทำการฆ่าหมูแล้วฝังกลบจำนวนมาก หลังเกิดโรคระบาดไวรัสหมูชื่อว่า เพิร์ส หรือโรค PRRS (Porcine reproductive and respiratory syndrome, เพิร์ส)
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าว พบว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โดยทามไลน์เริ่มจากมีผู้ลักลอบนำหมูดำ หรือหมูพื้นบ้าน ข้ามมาจากเขตอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เข้าไปในพื้นที่ของจังหวัดลำพูน โดยหมูดังกล่าวเป็นหมูเลี้ยงแบบชาวบ้าน ไม่มีการฉีดวรรคซีนป้องกันโรค ทำให้หมูดังกล่าวมีเชื้อโรคไวรัส เพิร์ส และได้แพร่กระจายเชื้อไปสู่หมูในฟาร์มเขตตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และตำบลนครเจดีย์ อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน
หลังจากที่ทางกรมปศุสัตว์ทราบข่าวได้มีการสั่งการด่วนให้ชุดเฉพาะกิจ เข้าพื้นที่เพื่อทำการควบคุมโรค โดยวิธีการฆ่าหมูทุกตัวที่อยู่ในฟาร์มที่ติดเชื้อเพื่อเป็นการป้องกัน นอกจากนั้นฟาร์มหมู่ที่อยู่ในรัศมี โดยรอบของฟาร์มหมูที่ติดเชื้อระยะ 10 กิโลเมตรโดยรอบจะต้องถูกฆ่าทิ้งไปด้วย โดยวิธีการฆ่าแล้วขุดหลุมลึกประมาณ 2 – 3 เมตร เพื่อฝังกลบ ก่อนการฝังกลบจะมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ แล้วโรยปูนขาว เกลี่ยกลบ และพ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออีกครั้ง รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เจ้าของฟาร์ม ลูกจ้างที่อยู่บริเวณนั้นจะต้องฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาทั้งเสื้อผ้า รองเท้า และตามร่างกายเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ แหล่งข่าวข่าวเปิดเผยว่ามีการประมาณการตัวเลขหมูที่ถูกฆ่าครั้งนี้กว่า 1000 ตัว ซึ่งยังมีการฆ่าหมูต่อไปจนกว่าจะควบคุมโรคได้ ทั้งฟาร์มเล็กฟาร์มใหญ่ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยและฟาร์มหมูของชาวบ้านด้วย
ในส่วนมูลค่าความเสียหาย คาดเกินว่ากว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่าความเสียหายขณะนี้ยังไม่เป็นที่ยุติจนกว่าจะสามารถควบคุมโรคได้ ส่วนการชดเชยความเสียหายทางภาครัฐได้ชดเชยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูตามความเป็นจริง คือราคารับซื้อตามประกาศของสหกรณ์ หากสมมุติราคาในแต่ละวันราคารับซื้ออยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม ทางกรมปศุสัตว์ก็จะชดเชยให้เต็มจำนวน หมูที่ถูกฆ่าน้ำหนักเท่าไหร่ก็จะมีการชดเชยให้ในราคากิโลกรัมละ 80 บาท หรือราคาตามประกาศของสหกรณ์ในแต่ละวัน นอกจากนั้นอาหารสัตว์ที่ซื้อมาจะเหลือเท่าไหร่ ซื้อมาในราคากี่บาท ก็ให้เอาบิลมา ทางภาครัฐจะขอนำอาหารหมูที่เหลือไปทำลายหรือฝังกลบ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดทุกทาง ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูส่วนมากพอใจที่ได้รับการชดเชย และควบคุมโรค เพราะหากหมูติดเชื้อแล้วตายก็จะทำให้ขาดทุนมากกว่านี้
ในส่วนของโรงเชือดหมู ทางกรมปศุสัตว์ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจและเก็บตัวอย่างเลือดของหมูทุกตัวที่ส่งเข้าไปในโรงเชือด และบางแห่งจะเป็นการสุ่มตรวจ นอกจากนั้นในพื้นที่จังหวัดลำพูนก็จะมีการตั้งด่านตรวจ จำนวน 5 แห่งทุกวัน พร้อมทั้งชุดลาดตระเวน เพื่อทำการดักพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับรถขนหมูเข้าและออกนอกพื้นที่หรือส่งไปตามโรงเชือด ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่คาดว่าจะควบคุมโรคได้โดยเร็วภายใน1 เดือน
อนึ่งสำหรับโรคระบาดไวรัสหมูชื่อว่า เพิร์ส หรือโรค PRRS (Porcine reproductive and respiratory syndrome, เพิร์ส) เป็นโรคระบบทางเดินหายใจและระบบสืบพันธุ์ ส่วนความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับเชื้อและความแข็งแรงของหมูแต่ละตัว และโรคแทรกซ้อนของไวรัสอื่นๆ ในขณะนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาหรือป้องกันได้ โรคนี้มักเกิดในฤดูฝน