เผด็จการกับประชาธิปไตย คือเข็มทิศชี้อนาคตและชะตาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและประเทศชาติ

เผด็จการกับประชาธิปไตย คือเข็มทิศชี้อนาคตและชะตาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและประเทศชาติ

>>>เรื่องเล่า..!นักข่าวบ้านนอก โดย “ชัด ราชวงษ์” >>>>

ไม่บ่อยนักที่ผมจะเขียนถึงเรื่องเกี่ยวเนื่องกับการเมือง เพราะความชอบไม่ชอบ มักอ่อนไหว ต่อจิตใจของคน วิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายหนึ่งอีกฝ่ายหนึ่งก็มีอคติ แต่การทำหน้าที่ของสื่อมวลชน นอกจากรายงานเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมแล้ว เจอกับตัวเองมาด้วย คนที่เป็นสื่อจริงๆและไม่ประจบประแจงเสนอหน้า เสนอข่าวเอาใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว สิ่งที่จะต้องมีในหัวใจของคนข่าวก็คือสะท้อนความจริง แต่ในบางครั้งสิ่งที่สะท้อนมันก็มีข้อจำกัด ทำให้ตะขิดตะขวงใจ และสร้างความอึดอัดใจไม่น้อยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นคำขอร้อง คำขู่ อ้างเอากฎหมายต่างๆมาขู่บ้างเพื่อให้อยู่ในกรอบที่เขากำหนด แต่สิ่งเหล่านี้คงจะไม่เกิดในยุคประชาธิปไตยเต็มใบ แต่ในยุคเผด็จการ โอกาสเสี่ยงสูงที่จะถูกคุกคาม ทั้งทางตรงและทางอ้อม และมันเคยเกิดขึ้นแล้วมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย  สื่อมวลชนหลายคนและบางคน เขาเลือกที่จะสงบปากสงบคำ อยู่ให้เป็น เพื่ออยู่ให้รอด เลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่สื่อมวลชน(บางคน)อาจจะลืมไปว่าคุณลืมหน้าที่ของคุณไปหมด เพราะอะไรเพราะอำนาจเผด็จการอย่างนั้นหรือ รึว่าเพราะอำนาจเงิน ฤาเพราะกลัวจะอยู่ไม่ได้ ทำให้สื่อฯ(บางคน)ลืมหน้าที่ตัวเอง

การเมืองไม่ใช่เรื่องของใคร หรือของกลุ่มอำนาจใดๆ แต่การเมืองคือเรื่องของทุกคน และเป็นเรื่องสืบเนื่องที่จะส่งผลต่อปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน ท่านลองหันไปมองรอบๆประเทศในโซนเอเชียดูซิ คงไม่ต้องเอ่ยชื่อประเทศ การปกครองระบบเผด็จการ กับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อย่างไหนเจริญก้าวหน้ากว่ากัน ชีวิตความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิตของประชาชน ช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ประเทศจะพัฒนาเป็นขาขึ้นหรือขาลง บทเรียนตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย

ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่อยู่ฝ่ายไหนข้างไหน แต่เลือกและชื่นชอบระบอบประชาธิปไตย และเกลียดเผด็จการเข้าไส้ แต่ไม่ส่งเสริมหรือสนับสนุนการแสดงออกที่ผิดกฎหมาย เพราะเผด็จการและอำนาจที่สืบทอดมาจากเผด็จการ เขาวางกรอบกติกาไว้ เพื่อเอาเปรียบคนเห็นต่าง และเพื่อจำกัดขอบเขตเสรีภาพของคนที่อยู่คนละขั้วอยู่แล้ว ยุคนี้ผมได้ดูได้ชมการไลฬ์สด รับรู้ข่าวสารที่รวดเร็วกว่าในอดีต แต่ไม่ได้เชื่อทั้งหมด  รวมถึงบางเหตุการณ์ในอดีตผมก็เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และเคยเป็นมดตัวเล็กๆที่เข้าไปในวงจรของการชุมนุมประท้วงระดับประเทศ ในหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะพฤษภาทมิฬ ปี 2535 คณะ รสช.ยึดอำนาจ ท่ามกลางกลิ่นแก๊สน้ำตา กลิ่นควันปืนและกลิ่นคาวเลือดของผู้สูญเสีย ผมเสียเพื่อนในเหตุการณ์ครั้งนั้นไปหลายคนรวมถึงคนรู้จักและน้องๆนักศึกษา ผมรอดปากเหยี่ยวปากกา รอดจากรองเท้าบูทและปลายกระบอกปืนมาได้เพราะครอบครัว ครั้งต่อมาปี 2548 กลุ่มพันธมิตรฯ(เสื้อเหลือง)ผมก็เป็นมดตัวเล็กๆที่ไปอยู่จุดนั้นช่วงนั้นจำได้ เป็นช่วงลอยกระทง ผมก็ไปได้เก็บเกี่ยวความรู้ได้ประสบการณ์กลับมา

รวมไปถึงกลุ่ม นปช.เสื้อแดง 2549-2550 ก็ไป(ดูเขา) ไปนั่งฟังไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรเรื่องบานปลายผมก็กลับ ผมชอบการ ไฮด์ปาร์ค เป็นทุนเดิม ไม่ว่าที่ไหนมีนักการเมืองหรือนักพูด มาพูด เมื่อมีโอกาสผมไม่พลาดแน่ไม่รู้ว่าชอบสะใจหรือชอบฟังเขาพูดตีแผ่ แต่ไม่ได้เชื่อทั้งหมดนะ ล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2557 กลุ่ม กกปส.(นกหวีด ลุงกำนัน) แต่ครั้งนี้ไม่ได้ไปด้วยหัวใจแต่ไปด้วยหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชนที่ถูกเรียกทัพเสริมจากผู้บริหารสำนักข่าว  ผมไปกางเต้นท์นอนในค่ำคืนที่มีแต่เสียงปืนและเสียงระเบิดตูมตามข้ามหัวไปข้ามหัวมา จนต้องปลุกพระเครื่องข่มตาให้หลับ ผมไปโดยที่ไม่ได้ถูกซักชวนจากใครให้เชื่อ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและจิตสำนึกบอกว่าอยากรู้ความจริง(แม้บางครั้งก็ไม่ได้รับรู้ความจริงเลยก็มี)และไปแล้วก็ไม่ได้ถูกล้างสมองให้เชื่อ หรือทำตามเขาหรือทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด คนทุกคนมีสำนึก มีความคิด มีความเชื่อ พินิจวิเคราะห์เหตุการณ์และมีเหตุมีผลของตัวเองเสมอ หากมีสติและไม่ฮึกเหิม ในอดีตเราสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อไปไม่ใช่น้อย ในการเรียกร้องคำว่า”ประชาธิปไตย” บทเรียนมีมากมาย นี่ยุคนี้เรากำลังจะเสียสละกันอีกแล้วหรืออย่างไร วงจรเก่าๆการเมืองรูปแบบเดิมๆ จะกลับมาอีกแล้ว บ้านเมืองกำลังจะวุ่นวายอีกหรืออย่างไร

ผมเชื่อว่าทุกคนรู้และเห็น ประเทศที่ถูกปกครองด้วยอำนาจเผด็จการหรือร่างทรงหรือสืบทอดอำนาจเผด็จการ ชัดเจนการพัฒนามีแต่ถอยหลัง ประชาชนทุกข์ยากแสนเข็นอดอยาก ระบบสังคม ระบบครอบครัว ระบบการบริหารแผ่นดินล้มเหลว ในโลกนี้มันมีกี่ประเทศกันละที่เผด็จการปกครองแล้วมันเจริญ คิดได้พูดได้ สร้างภาพได้ แต่ในทางปฏิบัติมันทำได้แค่ไหนละ ผมเชื่อว่า เผด็จการกับประชาธิปไตย คือเข็มทิศชี้อนาคตและชะตาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและประเทศชาติ อีกไม่นานเราอาจจะกลายเป็นประเทศที่ล้าหลัง หากร่างทรงระบบเผด็จการยังอยู่ จากเดิมที่เราเป็นนายจ้างแรงงานต่างด้าว เราอาจจะกลายเป็นคนขายแรงงานในประเทศที่เราเคยนำเข้าแรงงานก็เป็นไปได้ และที่สำคัญรัฐบาลที่มาจากเผด็จการ ประเทศที่เขาพัฒนาแล้วโลกที่เขาเจริญแล้ว เขาไม่ยอมรับ หรือไม่ยอมคบหาด้วย ส่งผลต่อการค้าขายกับ นานาอารยประเทศเขา ไม่มีใครอยากซื้ออยากขายด้วย นอกจากอาวุธ,เรือดำน้ำ,กับเครื่องบิน

“ชัด ราชวงษ์”